รู้หรือไม่ว่าขณะนี้ กำลังอยู่ท่ามกลางทะเลโอฆะ


    ท่านอาจารย์ เดี๋ยวนี้สำหรับผู้ที่กำลังฟัง แล้วก็เข้าใจบ้าง อยู่ตรงไหน คุณจำนงนึกภาพออกไหม ว่ากำลังอยู่ตรงไหน

    ผู้ฟัง ไม่รู้อยู่ตรงไหน

    ท่านอาจารย์ กลางทะเลโอฆะ กว้างใหญ่ มืดสนิท มีเครื่องประกอบพร้อมที่จะตรึงอยู่ ให้จมอยู่ เราไม่เคยรู้เลยว่าอาการจะหนักหนาสาหัสถึงระดับนั้น แต่ลองคิดดู ต้องฟันฝ่า ไม่ใช่ว่าคนที่ฟังธรรมแล้วนั่งเฉยๆ สบายๆ รู้ก็รู้ ไม่รู้ก็ไม่รู้ อย่างนั้นก็แสดงว่าเราไม่ได้เข้าใจคุณค่าจริงๆ แต่เรารู้กำลังของเราว่าระดับไหน แค่ไหน และเราอยู่ตรงไหน ทะเลของโอฆะคือ อวิชโชฆะ ความไม่รู้กว้างสุดสายตาเลย กำลังเผชิญหน้าอยู่แท้ๆ ก็ไม่รู้ ทั้งวันทั้งคืนก็ไม่รู้ กี่วัน กี่เดือน กี่ปี กี่ชาติ ก็ไม่รู้ ก็อยู่ตรงในทะเลลึก และก็กิเลสอื่นๆ ก็ยังเป็นเครื่องประกอบตรึงผูกไว้อีก ไม่ใช่อยู่มีแขนขาที่จะว่ายน้ำข้ามได้เร็ว แต่ว่าถูกพันธนาการด้วยกิเลสทั้งหลาย

    เพราะฉะนั้นวิริยะคือ การที่เราจะไม่ท้อถอย ต้องฟันฝ่า ต้องรู้ว่าจะพ้นได้เพราะมีทาง แม้ว่าจะเป็นหนทางที่นานแสนนาน ไกลแสนไกล แต่เริ่มเดินไปทีละเล็กทีละน้อยก็ต้องถึง เหมือนอย่างมดนี่แหละ บนภูเขาสูงๆ ก็ยังมีได้ มาได้ยังไง ขาเล็กๆ เล็กกว่าเราตั้งเยอะ ใช่ไหม เราก้าวไปได้เร็วกว่ามดตั้งหลายเท่า แต่เราก็ไปเจอมดบนเขา ก็แสดงให้เห็นว่าถ้ามีวิริยะ หรือมีความเพียร ขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง ทุกคำเป็นความจริง ตบะที่นี่คือเผากิเลส เผาความไม่รู้ ไม่รู้อะไร ไม่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ นี่แหละ ไม่ใช่ไม่รู้อย่างอื่น แต่ว่ามีสิ่งที่ปรากฏพร้อมกับความไม่รู้ ที่จากการฟังก็จะทำให้เรารู้จักตัวเองถูกต้องตามความเป็นจริงขึ้น อยู่ในทะเล หรือเปล่า กลางทะเล หรือเปล่า หรือว่าอีกฝั่งหนึ่ง คนละฝั่งกับฝั่งของนิพพาน คือเป็นฝั่งที่มีกิเลส


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 7


    หมายเลข 5086
    5 ก.ย. 2567