จิตเกิดเองไม่ได้ ต้องมีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิด


    เมื่อจิตเกิด จิตเกิดเองไม่ได้ ต้องมีปัจจัยปรุงแต่งให้จิตเกิด ศึกษาต่อไปจะทราบว่าในวันหนึ่งๆ มีจิตหลายชาติ “ชาติ” คือการเกิดขึ้นของจิต จิตที่เกิดขึ้นเป็นกุศลก็มี จิตที่เกิดขึ้นเป็นอกุศลก็มี ทั้งกุศล และอกุศลเป็นเหตุ ไม่ใช่เกิดขึ้นมาลอยๆ แล้วก็ไม่เกิดอะไรหลังจากนั้น เมื่อเหตุมีสะสมสืบต่อในจิต ก็จะทำให้เกิดผล คือจิตที่เป็นวิบากเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วซึ่งก็จะได้กล่าวต่อไป การศึกษาธรรมก็จะได้ทราบว่า แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทรงแสดงว่าพระองค์สามารถที่จะบันดาลให้จิตซึ่งเป็นลักษณะอย่างนี้เปลี่ยนไปเป็นลักษณะอื่นได้ เพราะเหตุว่าสภาพธรรมตามความเป็นจริงเป็นอย่างไร ก็ทรงแสดงสภาพธรรมตามความเป็นจริงนั้นๆ เพราะฉะนั้น เมื่อจิตมีลักษณะที่มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น จิตต้องเกิด และเมื่อเกิดแล้วจะให้จิตเห็นอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเหตุว่า จิตสามารถที่จะรู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรเลยซึ่งจิตรู้ไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นทางตาเห็น มีสิ่งที่ปรากฏเพราะจิตเห็น รู้ได้ คือรู้ว่า สีสันวัณณะขณะนี้กำลังเป็นอย่างนี้ คือเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา หรือเสียง กลิ่น รส

    ทางที่จะรู้อารมณ์ของจิตมี ๖ ทาง เพราะฉะนั้นจะยับยั้งไม่ให้จิตเกิดขึ้นแล้วก็รู้สิ่งที่ปรากฏทางนั้นๆ ไม่ได้เลย เมื่อรู้แล้วดับไป จะห้ามไม่ให้มีการสะสมการทรงจำสิ่งที่ได้รู้แล้วไม่ได้เลย เมื่อเห็นแล้ว สัญญาเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยกับจิตทุกขณะ แต่ไม่ใช่สัญญาเก่า สภาพธรรมทั้งหมดไม่มีสภาพธรรมเก่าเลย ขณะนี้มีปัจจัยปรุงแต่งให้จิตขณะหนึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไป ไม่กลับมาอีก แต่ว่ามีเหตุปัจจัยที่ปรุงแต่งให้สภาพธรรมที่เป็นจิต และเจตสิกขณะต่อไปเกิดขึ้น และก็ดับไป เพราะฉะนั้นจะเปลี่ยนไม่ให้วิจิตร ไม่ให้หลากหลายด้วยเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยไม่ได้ จะให้ไม่วิจิตรไม่หลากหลายด้วยอารมณ์ที่จิตรู้ก็ไม่ได้

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 17


    หมายเลข 5363
    17 ม.ค. 2567