ผู้ที่จะเจริญความสงบได้ เป็นผู้ที่มีปัญญา


    อ.ธิดารัตน์ คนที่จะไปทำสมถ หรือ ไปเจริญความสงบ ขั้นต้นต้องมีความเข้าใจว่าลักษณะของกุศลจิตมีลักษณะอย่างไร อกุศลจิตมีลักษณะอย่างไรก่อน ใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ คนที่จะเจริญความสงบต้องเป็นคนที่มีปัญญาใช่ไหม ประการแรกที่สุด คนที่จะอบรมเจริญความสงบให้มั่นคงขึ้นต้องเป็นคนที่มีปัญญา หรือไม่ หรือใครก็ได้ นั่งไป รู้อารมณ์เดียว แล้วจะเข้าใจว่าสงบ ซึ่งความจริงสงบคือ ต้องสงบจากอกุศล และถ้าไม่รู้ว่าจิตขณะใดเป็นโลภะ จิตขณะใดเป็นโทสะ จิตขณะใดเป็นโมหะ จิตขณะใดสงบเป็นกุศล จะเจริญความสงบไม่ได้เลย เพราะเหตุว่า สำหรับโทสะ ทุกคนพอจะรู้ได้ อยู่ดีๆ ก็เกิดไม่สบายใจขึ้นมา กระสับกระส่ายไม่ชอบใจเรื่องนั้นเรื่องนี้ นั่นคือเห็นได้เลยว่าเป็นลักษณะความไม่สงบของจิต มีปฏิฆะถูกกระทบด้วยความรู้สึกที่ไม่แช่มชื่นในขณะนั้น ไม่มีใครที่ไม่รู้จักลักษณะของความไม่สงบคือโทสะ เด็กๆ ร้องไห้รู้ไหมว่าขณะนั้นเขาเป็นอย่างไรที่ร้องไห้ ชอบ หรือไม่ชอบถึงได้ร้องไห้ ก็ต้องไม่ชอบ เป็นโทสะ เพราะฉะนั้นโทสะพอจะรู้ได้ แต่สำหรับโลภะ รู้ไหม มีอยู่เมื่อไหร่ เห็นไหม เราเห็นโลภะใหญ่ๆ ความละโมบ โลภ ในเรื่องต่างๆ ในทรัพย์สมบัติ ในชื่อเสียง ในสักการะ นั่นเราเห็นได้ แต่ในขณะที่เพียงเห็นแล้วติดแล้ว รู้ไหม ก็ไม่รู้ แล้วเราไปรู้ความสงบขณะที่ไม่มีโลภะได้อย่างไร และยิ่งขณะที่เป็นโมหมูลจิต ไม่มีทั้งโทสะ ไม่มีทั้งโลภะ แต่เป็นอกุศลเพราะไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จะรู้ไหม และถ้ายังมีโลภะ โทสะ โมหะ ไม่สงบเลย แม้แต่เพียงโมหะก็ไม่สงบ แต่เราเรียกว่าสงบ เพราะว่าขณะนั้นเราเฉยๆ เหมือนกับว่าไม่มีโลภะ ไม่รัก ไม่มีโทสะ ไม่ชัง ก็เลยเข้าใจว่าขณะนั้นเราสงบ แต่ปัญญาอยู่ที่ไหน ถ้าไม่มีปัญญาอบรมเจริญความสงบไม่ได้เลย เพราะคำว่า “สมถภาวนา” คือการอบรมความสงบของจิต ต้องเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาเท่านั้น ถ้าขณะนั้นไม่ประกอบด้วยปัญญา สงบไม่ได้แน่ จะให้ใครมานั่งสักสิบคน ยี่สิบคน แล้วเพ่งจ้องอะไรก็ตามแต่ แล้วบอกว่าถึงขั้นฌาณบ้าง หรืออะไรบ้างต่างๆ แต่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเดียว แล้วก็บอกว่าสงบ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 18

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 19


    หมายเลข 5382
    24 ม.ค. 2567