ศึกษาให้เกิดปัญญา


    พระธรรมที่ทรงแสดงไว้เป็น “สรณะ” ธรรมรัตนะ ไม่ใช่มีแต่พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ สรณะที่พึ่งสาม คือพระรัตนตรัย แล้วเราพึ่งอะไร ถ้าเราไม่ศึกษาธรรมจะเข้าใจพระปัญญาคุณของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไหม ว่าทรงตรัสรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏ ซึ่งเหมือนไม่มีอะไรเลย แต่ความจริงเป็นธาตุซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของ มีปัจจัยปรุงแต่งก็เกิดแล้วก็ดับ นี้คือแสดงให้เห็นว่าเราจะต้องศึกษา ถ้าไม่ศึกษาก็ไม่มีใครจะช่วยเราได้เลย เพราะเหตุว่าเราเกิดมาด้วยความไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรม และเวลาที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรมก็เต็มไปด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจสภาพธรรม จนกว่าจะได้ศึกษา

    เริ่มเข้าใจพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณ ถ้าไม่ทรงพระมหากรุณา เราไม่มีโอกาสจะได้ยินคำที่แสดงให้เราเข้าใจลักษณะของจิต หรือเจตสิก หรือรูป ซึ่งมีอยู่จริง แต่เราไม่สามารถที่จะเข้าใจสภาพธรรมใดๆ ได้เลยทั้งสิ้น แต่ด้วยพระมหากรุณาที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งต้องบำเพ็ญพระบารมีมากกว่าพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์สาวก ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ดังนั้น ตราบใดที่มีการศึกษาธรรม บุคคลทั้งหลายก็ยังได้ประโยชน์จากพระธรรม หากได้คิดถึงจำนวนของบุคคลที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่ได้ทรงตรัสรู้ และทรงแสดง ขณะนี้สองพันห้าร้อยกว่าปี ก็ยังมีข้อความในพระไตรปิฎกที่ทำให้เราสามารถเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ ที่จะเป็นปัญญาของเราเอง ถ้าจะเป็นทายาทคือผู้รับมรดกก็คือเกิดปัญญาจึงจะได้รับ ถ้าไม่เกิดปัญญาจะรับอะไร จะเอามรดกอะไร จากที่ไหน เพราะฉะนั้นต้องศึกษาจริงๆ จะได้เข้าใจถูกต้องว่า ถ้าตราบใดที่ยังไม่ใช่ปัญญาของเรา และยังไม่ใช่ความรู้จริงๆ ขณะนั้นก็ไม่ใช่ปัญญา เป็นแต่เพียงชื่อซึ่งได้ยินได้ฟังมา แต่ชื่อนั้นใครบอก ผู้ที่มีปัญญาทรงแสดงไว้จริง แต่ผู้ที่รับสืบทอดกันมาสามารถเข้าถึงอรรถความหมายของพยัญชนะนั้นถูกต้องแค่ไหน เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ ลึกซึ้ง และไม่ผลีผลาม

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 19


    หมายเลข 5423
    24 ม.ค. 2567