เข้าใจความลึกซึ้งของจิตมากแค่ไหน


    ศึกษาพระธรรมตลอดชีวิต และไม่เพียงชาตินี้ชาติเดียว เพราะว่าไม่ใช่ศึกษาเพียงตัวหนังสือ เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่จะกล่าวถึงธรรมก็ให้ทราบว่า คือ ในขณะนี้เอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราได้ยินได้ฟังแล้วๆ เล่าๆ จากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง จนกว่าจะสามารถรู้จริง ประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรม เพราะฉะนั้นในขณะนี้ถ้าจะกล่าวคำว่า"จิต" เครื่องพิสูจน์ก็คือว่าเรามีความรู้ความเข้าใจในคำที่ได้ยินขณะนี้มากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่เพียงแต่ได้ยินแล้วก็ทราบว่า จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้ ถ้าขณะนี้ไม่มีจิต อะไรๆ ก็ไม่ปรากฏเลย แต่ขณะใดก็ตามตลอดชีวิตที่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งปรากฏทั้งหมดเพราะมีจิตที่กำลังรู้สิ่งนั้น เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าทั้งๆ ที่ทุกคนก็มีจิต และสภาพของจิตในขณะนี้ก็มี แต่ประจักษ์แจ้งในสภาพที่เป็นธรรมไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ซึ่งเกิดดับ หรือยัง นี่แสดงให้เห็นว่าธรรมเป็นสิ่งที่ลึกซึ้งมาก แม้มีจริง และยิ่งลักษณะของจิตจะเห็นได้ว่าสิ่งที่เรากล่าวถึง เช่น สิ่งที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้ ทุกคนไม่สงสัยเลยใช่ไหม เมื่อกล่าวถึงสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาในขณะนี้ มีแน่นอน แต่ถ้ากล่าวว่าสิ่งนี้มีปรากฏเพราะจิตเกิดขึ้นเห็น ตอนนี้ก็เพียงแต่เข้าใจคร่าวๆ ว่ามีจิตเห็นเกิดขึ้น และขณะนี้เห็นสิ่งที่ปรากฏเพราะจิตกำลังเห็น แต่จิตเป็นสภาพที่เป็นนามธรรม เพราะฉะนั้นทุกคำที่ได้ยิน ก็ควรที่จะเข้าถึงความหมายอรรถว่า ขณะนี้มีรูปคือสิ่งที่ปรากฏทางตา มีเสียงที่ปรากฏทางหู แต่จิตเป็นนามธรรม นี่แสดงความต่างโดยสิ้นเชิง ถ้าไม่คิดก็ไม่ละเอียด ก็ผ่านไป จิตเป็นนามธรรม เป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ ไม่มีรูปร่างสัณฐานใดๆ เลยทั้งสิ้น

    เพราะฉะนั้น เรากำลังกล่าวถึงสภาพธรรมอย่างหนึ่งคือ "จิต" ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ลึกล้ำละเอียด เพราะเหตุว่าไม่มีรูปร่างสีสันวรรณะใดๆ เลย จะไปหาจิตที่ไหนดี มีสีสันปรากฏ หรือไม่ มีเสียงปรากฏ หรือไม่ ไม่มีเลย แต่ว่ามีสภาพที่สามารถเห็น เพราะฉะนั้นก็เหมือนกับสิ่งซึ่งไม่มีรูปร่าง แต่ว่าเกิดขึ้นทำหน้าที่โดยที่ไม่ต้องอาศัยตัวรูปร่างใดๆ เลย เพราะว่าลักษณะของนามธรรมเป็นสภาพธรรมที่สามารถรู้เท่านั้นเอง รู้สิ่งที่กำลังปรากฏ เช่น ขณะนี้ที่กล่าวว่ารู้ก็คือเห็น จึงสามารถรู้ว่ามีสิ่งนี้ที่กำลังปรากฏทางตา เพราะว่ามีเห็น ถ้าไม่มีเห็นจะกล่าวว่ามีสิ่งนี้ที่กำลังปรากฏทางตาก็ไม่ได้ แต่ที่กล่าวว่าขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏทางตาเพราะมีเห็น เพราะฉะนั้นตัวจิตไม่มีรูปร่างเลย วันหนึ่งๆ ก็มีจิตหลายประเภท เวลาที่จิตเกิดขึ้นก็ต้องมีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป นี้ก็แสดงให้เห็นถึงสภาพธรรมที่ละเอียด และเป็นสิ่งซึ่งกว่าจะประจักษ์ในสภาพซึ่งเป็นนามธรรมได้ ไม่ใช่เพียงขั้นการฟัง แต่ขั้นที่สามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพรู้ หรือธาตุรู้ จากการเริ่มฟัง แล้วเริ่มเข้าใจ ซึ่งต่อไปก็จะได้กล่าวถึงจิตโดยละเอียดขึ้น ซึ่งในคราวก่อนก็ได้กล่าวถึงชื่อต่างๆ ของจิต

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 19


    หมายเลข 5426
    17 ม.ค. 2567