ความเข้าใจเรื่องชาติของจิตก่อนที่จะได้ฟังธรรม
ท่านอาจารย์ ก่อนศึกษาธรรม รู้จักชาติของจิต หรือไม่ ทุกคนมีจิต ครั้งที่ยังไม่ได้ศึกษาธรรม ได้ยินคำว่าอะไรบ้างที่เกี่ยวกับจิต ไม่เคยได้ยินคำอะไรที่เกี่ยวกับจิตเลยใช่ไหม “กุศล” เคยกล่าวคำนี้ หรือไม่ ก่อนศึกษาธรรมเคยกล่าวว่า "กุศล" และคำว่า “อกุศล” เคยพูดไหม ไม่ค่อยได้พูดว่าอกุศล หรือ พูดแต่กุศลเท่านั้น หรือ คุณธิดารัตน์บอกว่าพูดแต่บุญกับบาป ก็อาจจะคุ้นหูมากกว่าคำว่ากุศล และอกุศล แต่ก็คือความหมายเดียวกัน "กุศล" หมายถึงสภาพธรรมที่ดีงาม "อกุศล" หมายถึงสภาพธรรมที่ไม่ดีงาม เพราะฉะนั้นจะใช้คำว่า "กุศล" หรือ "บุญ" ก็ได้ หรือจะใช้คำว่า "อกุศล" หรือ "บาป" ก็ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ในชีวิตประจำวันเราก็ไม่ใช้คำว่ากุศล ไม่ใช้คำว่าอกุศลก็ได้ แต่เคยเห็นคนทำดีทำชั่วใช่ไหม เพราะฉะนั้นเราก็แปลได้อีกอย่างหนึ่งว่า กุศลก็คือดีงาม อกุศลก็คือไม่ดีไม่งาม หรือจะใช้คำว่าชั่วก็ได้
เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องของภาษาที่แสดงว่า เรามีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด มากน้อยเท่าไร เช่น เราใช้คำว่าดี หรือ เราใช้คำว่าบุญ จริงๆ เราเข้าใจคำนั้นกว้าง หรือแคบ เช่น ไปทำบุญ ก็คิดว่า บุญก็มีแต่ไปทำบุญ หรือว่าตักบาตร นั่นก็กล่าวว่าเป็นบุญ แต่จริงๆ แล้วเราก็ไม่ได้เข้าใจสภาพของจิตจริงๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วไม่ใช่เราเลย แต่เป็นเพราะว่าเมื่อจิตเกิดขึ้นจะต้องเป็นอย่างหนึ่งอย่างใดใน ๔ โดย ชา-ติ หรือโดยชาติ คือการเกิด มี ๔ อย่าง คือ เกิดขึ้นเป็นกุศล ๑ ขณะ ขณะที่จิตเกิดขึ้นเป็นกุศล จะเปลี่ยนจิตที่เกิดเป็นกุศลให้เป็นอื่นไม่ได้เลย นี่แสดงว่าจิตทุกขณะ ถ้าเราศึกษาต่อไปจะรู้ได้ว่า จิตนี้ชาติอะไร ไม่ว่าจิตจะมีชื่อมากมายถึง ๘๙ แต่จิตนั้นเป็นชาติอะไร เพราะเหตุว่า จะต้องรู้ว่าจิตที่เป็นกุศล เพราะเกิดขึ้นโดยปัจจัยคือกุศลเจตสิก หรือโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วย เพราะเหตุว่าลักษณะของจิตเป็นเพียงสภาพที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่ส่วนจิตจะเป็นชาติกุศลก็เพราะเจตสิกซึ่งเป็นฝ่ายดีเกิดร่วมด้วย และเป็นเจตสิกฝ่ายดีซึ่งเป็นเหตุด้วย เช่น การกระทำที่ดีต่างๆ การอ่อนน้อม หรือการเคารพผู้ที่ควรเคารพ การฟังธรรม เหล่านี้ ต้องเป็นขณะจิตที่ดี ขณะนั้นเกิดขึ้นเป็นกุศลจะเปลี่ยนให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ แต่ไม่ใช่ว่าเรามีกุศลคือการฟังธรรมตลอดวันใช่ หรือไม่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นอกุศล ซึ่งอาจจะไม่คิดอย่างนี้ก่อนที่จะได้ฟังธรรม ก็คิดว่าเราไม่มีอกุศล แต่ความจริงอกุศลละเอียดมาก ขณะที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็น จะต้องเป็นจิตชาติหนึ่งชาติใดใน ๔ ชาติ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เมื่อได้ยินชื่อ ”จิต” ก็ควรจะได้ทราบทันทีว่าจิตนั้นเป็นชาติอะไร จะได้ไม่สับสน เพราะจิตที่เป็นกุศลกับจิตที่เป็นอกุศลเป็นจิตที่เป็นเหตุ คือเหตุได้กระทำไว้ต้องทำให้มีผลเกิดขึ้น มิฉะนั้นจะกล่าวว่าเป็นเหตุไม่ได้ ถ้ากล่าวว่าเป็นเหตุต้องกล่าวว่าเป็นปัจจัย เป็นเห-ตุปัจจัย เป็นเหตุที่จะทำให้ผลเกิดขึ้น แล้วผลนั้นคืออะไร ถ้าไม่ศึกษาเราก็บอกว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คือเราทำดี เราได้รับผลดี เราทำชั่วได้รับผลชั่ว นั่นคือพูดอย่างกว้างๆ แต่ถ้าพูดโดยเจาะจง กุศลจิตเกิดเป็นเหตุที่จะให้เกิดผล คือ กุศลวิบาก หรือถ้าอกุศลจิตเกิด ก็จะเป็นปัจจัยให้เกิดการกระทำทางกาย ทางวาจาซึ่งเป็นอกุศลกรรม เมื่อเหตุคืออกุศลกรรมมี วันหนึ่งก็จะต้องให้ผลเป็นอะไร เป็นเรา หรือว่าเป็นใคร เวลาที่ได้รับผลนี้เป็นเรารับ หรือว่าเป็นใครรับ
ผู้ฟัง เป็นเรารับ
ท่านอาจารย์ เราทำเหตุใช่ หรือไม่ เราถึงได้รับเหตุ แต่ถ้ารู้ว่าไม่มีเรา มีปรมัตถธรรม มีจิต เจตสิกเกิดขึ้นเป็นกุศล หรือเป็นอกุศล เพราะฉะนั้น เมื่อกุศลจิต และอกุศลจิตดับไปแล้ว ใครได้รับผล จิตที่เป็นเหตุคือกุศลดับไปแล้ว จะเป็นปัจจัยให้ผลเกิดขึ้น เช่นที่เราเคยพูดก่อนที่เราจะศึกษาว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราคิดว่าเราทำดี เราคิดว่าเราได้ดี แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้ว เราไม่มี แต่มีสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมคือ จิต เจตสิก รูป รูปทำดีทำชั่วไม่ได้เลย รูปไม่มีชาติกุศล ไม่มีชาติอกุศลเลย เพราะรูปไม่ใช่สภาพรู้ รูปไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้น ไม่ว่ารูปของคนเป็น หรือรูปของคนตาย รูปของสิ่งมีชีวิตมีใจครอง หรือเป็นรูปที่ไม่มีใจครอง คือไม่มีใจ หรือจิตเกิดที่รูปนั้นก็ตามแต่ รูปเป็นสภาพที่ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่ใช่คน แต่ต้องเป็นจิต เจตสิกที่เป็นชาติกุศลเกิดขึ้น แล้วก็ต้องดับด้วย เพราะว่าจิตเกิดขึ้นแล้วก็ต้องดับไป เพราะฉะนั้นตอนได้ดี คืออะไร
ผู้ฟัง จิต
ท่านอาจารย์ จิตแน่นอน เพราะว่าจิตเป็นผู้ที่กระทำกรรม เพราะฉะนั้นเป็นจิตที่เกิดขึ้นเป็นผลของกรรม จิตที่เกิดขึ้นเป็นผลของกรรมภาษาบาลีใช้คำว่า วิ-ปา-กะ ความหมายก็คือ สภาพที่สุกงอมพร้อมที่จะเกิดผล เพราะฉะนั้นกุศลกรรม และอกุศลกรรมแต่ละคนทำไว้มากมายนับไม่ถ้วนเลยในสังสารวัฏฏ์ ในแสนโกฏิกัปป์ จะให้ผลเมื่อใดไม่มีใครที่จะสามารถรู้ได้ ต่อเมื่อใดพร้อมสุกงอมที่จะให้ผลเกิดขึ้น จิตที่เป็นวิบากก็เกิด เป็นผลของกรรม ไม่ใช่เรา
ที่มา ...