กิริยาจิต ไม่ใช่กุศล อกุศล หรือ วิบาก
ท่านอาจารย์ คิดนึกเป็นวิบากได้ หรือไม่
ผู้ฟัง ไม่ได้ แต่เป็นกิริยาคงไม่ได้เหมือนกัน
ท่านอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพูดถึง “กิริยา” ว่าคืออะไร กิริยามีจริงๆ เพราะว่าเป็นชาติของจิต และเจตสิกซึ่งเกิด จิต และเจตสิกเกิดดับพร้อมกัน เวลาที่กรรมที่ได้กระทำแล้วคืออกุศลกรรมดับไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แต่สุกงอมพร้อมที่จะให้วิบากจิตเกิด พร้อมวิบากเจตสิก แม้วิบากเจตสิกที่เกิดกับจิตก็เป็นผลของกรรม กรรมไม่ได้ทำให้เฉพาะวิบากจิตเกิด แต่ยังเป็นปัจจัยให้วิบากเจตสิกเกิดด้วย ใครทำได้ มีใครทำวิบากได้สักคน หรือไม่
ผู้ฟัง เพราะว่ามันคือผลของกรรม เพราะฉะนั้นวิบากก็ทำไม่ได้
ท่านอาจารย์ ทำจิตก็ไม่ได้ ทำเจตสิกก็ไม่ได้ ทำรูปก็ไม่ได้ ทำวิบากก็ไม่ได้ ทำกิริยา กุศล อกุศลไม่ได้ แต่มีเหตุปัจจัยทำให้สภาพธรรมเกิด
ผู้ฟัง ขอย้อนคำกล่าวเดิมที่ว่า วิบากส่งผลผ่านจิต ผ่านรูป ได้ หรือไม่
ท่านอาจารย์ ไม่ต้องคิดอะไรอื่นเลย ให้ทราบว่าขณะนี้มีจิตที่เป็นวิบาก หรือไม่
ผู้ฟัง ตอนนี้มีอยู่
ท่านอาจารย์ มีจิตที่เป็นกุศล หรือไม่
ผู้ฟัง มี
ท่านอาจารย์ มีจิตที่เป็นอกุศล หรือไม่
ผู้ฟัง บางครั้งมี
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น จะมีจิตอีกชาติหนึ่ง ซึ่งจะต่างกับกุศล อกุศล และวิบาก คือชาติกิริยา ถ้าใช้คำว่า "กิริยาจิต" หมายความว่าขณะนั้นไม่ใช่กุศล ไม่ใช่อกุศล และไม่ใช่วิบากด้วย สำหรับกิริยาจิตต่อไปก็จะทราบได้ว่าเป็นจิตของพระอรหันต์ส่วนใหญ่ สำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์จะมีกิริยาจิตเพียง ๒ ประเภทเท่านั้นเอง ซึ่งน้อยมากเลยเมื่อเทียบกับอกุศลเท่าไหร่ กุศลเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีกริยาจิตที่ไม่ใช่กิริยาจิตประเภทเดียวกับที่เป็นจิตของพระอรหันต์ซึ่งไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ ไม่มีกิเลสที่เป็นอนุสัยเลย ดังนั้นขณะนี้ควรทราบว่า ชาติคือการเกิดของจิตจะต้องเกิดขึ้นเป็น ๑ ใน ๔ คือเป็นกุศล เป็นอกุศล เป็นวิบาก หรือเป็นกิริยา
ที่มา ...