ความต่างกันของขณะที่หลับสนิทกับขณะที่ตื่น
ผู้ฟัง ในขณะที่หลับสนิท จักขุวิญญาณ จนถึงกายวิญญาณไม่เกิด ใช่ หรือไม่
ท่านอาจารย์ ขณะใดที่ไม่เห็น ก็ไม่ใช่จักขุทวารวิถี หมายความว่าจิตไม่ได้เห็น ไม่ได้รู้อารมณ์ที่ปรากฏทางตา เพราะว่าไม่ได้อาศัยตา การที่จะรู้อะไรปรากฏทางตาต้องมีตาที่สามารถกระทบสิ่งนั้น
ผู้ฟัง ขณะที่เราหลับตา จักขุวิญญาณเกิดขึ้นได้ หรือไม่
ท่านอาจารย์ ขณะที่หลับตา มีการเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือไม่
ผู้ฟัง มีการเห็นสี
ท่านอาจารย์ ขณะที่มีการเห็นสี ขณะนั้นจริง หรือไม่ คือธรรมเป็นสิ่งที่ตรงมากเลย บิดเบือนไม่ได้ ถ้าขณะนี้หลับตา มีแสงสว่าง หรือมีสีปรากฏ หรือไม่
ผู้ฟัง มี
ท่านอาจารย์ มี หมายความว่าต้องมีจิตเห็น ถ้าไม่มีจิตเห็นสิ่งนั้นปรากฏไม่ได้ ถูกต้อง หรือไม่
ผู้ฟัง ถูกต้อง
ท่านอาจารย์ นั่นคือคำตอบ
ผู้ฟัง เวลาหลับสนิทเราทราบได้อย่างไรว่าจักขุวิญญาณไม่เกิด กายวิญญาณไม่เกิด โสตวิญญาณไม่เกิด
ท่านอาจารย์ ถ้าใช้คำว่าหลับสนิท ให้เข้าใจความหมายว่า ไม่รู้อารมณ์ทางหนึ่งทางใดเลย แต่ว่าขณะนี้ที่สีจางๆ ปรากฏเวลาที่หลับตาก็เพราะเหตุว่า มีจิตเห็น เพราะฉะนั้นเรารู้ว่าขณะนั้นไม่ใช่หลับสนิท ถ้าหลับสนิทต้องไม่มีอะไรปรากฏเลยทั้งสิ้น โลกทั้งโลก เรื่องราวทั้งหมด ทั้งวันไปทำอะไรมาบ้าง สนุกสนานอย่างไร เมื่อถึงเวลาที่หลับสนิทไม่มีอะไรเหลือเลย ไม่มีความคิดด้วย ไม่มีความฝันด้วย ไม่มีการเป็นบุคคลหนึ่งบุคคลใดด้วย เวลาที่เราใช้คำว่า "หลับสนิท" หมายความว่า ขณะนั้นไม่มีการเห็นใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการรู้สิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเลย จึงเป็นหลับสนิท
ผู้ฟัง สมมติว่าจักขุวิญญาณ ทั้งหมด เกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย
ท่านอาจารย์ เมื่อไหร่
ผู้ฟัง ขณะหลับสนิท
ท่านอาจารย์ ไม่ได้เลย นี่คือเราศึกษาเรื่องจากความคิดของเรา แต่ว่าจากความเป็นจริง จิตขณะหนึ่งเกิดดับเร็วมาก และจำแนกออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือเป็นวิถีจิต หรือไม่ใช่วิถีจิต ประเภทใหญ่จริงๆ ของจิตจะมี ๒ อย่างคือ จิตที่ไม่ใช่วิถีจิต กับจิตที่เป็นวิถีจิต "จิตที่ไม่ใช่วิถี" หมายความว่า ไม่ได้อาศัยทางหนึ่งทางใดเกิดขึ้นรู้อารมณ์อื่น ซึ่งไม่ใช่อารมณ์ของภวังค์ และปฏิสนธิจึงเป็นการหลับสนิท เพราะเหตุว่า ขณะที่หลับสนิทขณะนั้นมีจิต หรือไม่ มี ถ้ามีจิตต้องมีอารมณ์ หรือไม่ เมื่อจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ อารมณ์ของจิตขณะที่หลับสนิทปรากฏ หรือไม่
ผู้ฟัง อารมณ์ต้องปรากฏ
ท่านอาจารย์ ถ้าอารมณ์ปรากฏ แปลว่า ไม่ใช่ภวังคจิต
ผู้ฟัง เคยหลับสนิท หรือไม่
ผู้ฟัง เคยหลับสนิท
ท่านอาจารย์ ขณะที่หลับสนิทไม่ใช่ขณะเห็น ขณะได้ยิน ไม่ใช่ขณะฝัน
ผู้ฟัง ใช่ เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นขณะที่หลับสนิท หมายความว่า ขณะนั้นไม่ใช่วิถีจิต มีจิตจริง รู้อารมณ์จริง แต่ไม่ใช่วิถีจิต ไม่ได้อาศัยตาเห็น ไม่ได้อาศัยหูได้ยิน ไม่ได้อาศัยจมูกได้กลิ่น ไม่ได้อาศัยลิ้นลิ้มรส ไม่ได้อาศัยกายกระทบสัมผัส ใจก็ไม่ได้คิดนึก ไม่รู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จึงใช้คำว่า"หลับสนิท" ไม่อย่างนั้นจะใช้คำว่าหลับสนิทไม่ได้
ผู้ฟัง หลับสนิทก็เป็นทีละขณะ จะบอกว่าทั้งหมดไม่ได้
ท่านอาจารย์ ขณะใด เรากล่าวถึงขณะหนึ่งขณะใด แม้แต่ชาติของจิตหนึ่งขณะ ขณะใดเป็นกุศลก็เป็นกุศล เป็นวิบากไม่ได้ ขณะใดเป็นวิบาก จะเป็นกุศล อกุศล กิริยาไม่ได้ เพราะฉะนั้น เรากำลังศึกษาเรื่องจิตซึ่งมีจริงๆ เกิดดับทีละ ๑ ขณะ
ผู้ฟัง ถ้ากล่าวว่า คืนนี้เราหลับสนิท หรือไม่ ถ้าเราตอบว่าหลับสนิท
ท่านอาจารย์ หมายความว่าถ้าตอบอย่างนั้นมีช่วงซึ่งไม่รู้อารมณ์ใดๆ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เลย
ผู้ฟัง แสดงว่าเราเอาที่เด่นชัดที่สุดมาตอบ
ท่านอาจารย์ แล้วแต่
ผู้ฟัง แต่ไม่ได้บอกว่าช่วงทั้งหมด ...
ท่านอาจารย์ ไม่ได้บอก เพราะฉะนั้นเรากล่าวถึงขณะที่หลับสนิทเป็นภวังคจิต ไม่รู้อารมณ์ใดๆ เลย ไม่ได้อาศัยอารมณ์ใดๆ เพื่อที่จะเข้าใจประเภทใหญ่ๆ ของจิตว่าแยกเป็น ๒ ประเภท คือ จิตที่อาศัยทางหนึ่งทางใดเกิดขึ้นรู้อารมณ์เป็นวิถีจิต ส่วนขณะที่ไม่ได้อาศัยทางหนึ่งทางใดเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นไม่ใช่วิถีจิต ให้เข้าใจ ๒ อย่างนี้ก่อน ว่า ๑ ขณะเป็นชาติอะไร เป็นวิถี หรือไม่ใช่วิถี
ผู้ฟัง คนหลับทั้งคืนจะบอกว่าถึงแม้ว่าเขาหลับแล้ว จักขุวิญญาณก็เกิดขึ้นได้ กายวิญญาณก็เกิดขึ้นได้
ท่านอาจารย์ ไม่ได้ ต้องหมายความว่าขณะใดไม่รู้อารมณ์ทางหนึ่งทางใด จะใช้ว่าหลับ หรือไม่หลับก็ได้แต่เป็นภวังคจิต
ผู้ฟัง รู้อารมณ์แต่จำไม่ได้
ท่านอาจารย์ ขณะที่ไม่รู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เลย ขณะนั้นจิตทำภวังคกิจดำรงภพชาติ และอารมณ์ที่เป็นสี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ แม้แต่เรื่องราวความคิดนึกก็ไม่ปรากฏ เพราะเหตุว่าขณะนั้นไม่อาศัยทางหนึ่งทางใดที่จะเกิดขึ้นรู้อารมณ์อื่นซึ่งไม่ใช่อารมณ์ของภวังคจิต
ผู้ฟัง ถ้าจักขุวิญญาณปรากฏ ...
ท่านอาจารย์ จักขุวิญญาณเกิดแล้วดับ หรือไม่
ผู้ฟัง ดับ
ท่านอาจารย์ จิตที่รู้อารมณ์นั้นดับแล้ว อารมณ์นั้นยังปรากฏได้ไหม ไม่ได้แน่นอน เพราะว่าจิตเป็นสภาพรู้ ที่ขณะนี้สิ่งต่างๆ ปรากฏเพราะจิตเกิดขึ้นกำลังรู้
ที่มา ...