วิถีจิตทางใจรู้อารมณ์ได้ทุกอย่าง


    แรงของกรรมทำให้กัมมชรูปเกิดทุกอนุขณะของจิต เพราะฉะนั้น กำลังนอนหลับนั้น นอนหลับอยู่ยังไม่ตาย ยังมีกรรมที่ทำให้เป็นบุคคลนี้อยู่ แม้ขณะนอนหลับก็มีจักขุปสาทรูปเกิด โสตปสาทรูปเกิด ฆานปสาทรูป ชิวหาปสาทรูป กายปสาทรูป ทั้ง ๕ รูปเกิด เพราะตอนที่เป็นภวังค์ ไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่คิดนึกเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเป็นภวังคจิตดำรงภพชาติ

    แต่ขณะใดก็ตามที่มีการเห็น การได้ยินพวกนี้เป็นวิถีจิต หมายความว่าต้องอาศัยทางหนึ่งทางใดเกิดดับสืบต่อเพื่อรู้อารมณ์หนึ่งทางทวารหนึ่ง อย่าลืมว่าทางทวารหนึ่งก็มีวิถีจิตซึ่งเกิดดับสืบต่อไม่ใช่ขณะเดียวเกิดดับสืบต่อรู้อารมณ์ที่กระทบทวารนั้นจึงเป็นวิถีจิต แต่ละขณะที่ไม่ใช่ภวังคจิต ไม่ใช่จุติจิต ไม่ใช่ปฏิสนธิจิต เป็นวิถีจิตทั้งหมด แล้วแต่ว่าจะเป็นวิถีจิตทางหนึ่งทางใดใน ๖ ทาง

    เพราะฉะนั้น มโนคือจิตทุกประเภท มโนทวารเป็นรูปหรือเปล่า มโนทวารเป็นทวาร ทวารทั้งหมดมี ๖ เมื่อกี้เรากล่าวถึงจักขุทวาร โสตทวาร ฆานทวาร ชิวหาทวาร กายทวาร ภาษาไทยก็คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ถ้ามีแค่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เห็นหมดแล้ว ได้ยินหมดแล้ว ได้กลิ่น ลิ้มรสหมดแล้ว กระทบสัมผัสหมดแล้ว ก็ไม่เดือดร้อนใช่ไหม แต่เดือดร้อนมากเมื่อมีมโนทวาร วิถีจิต จิตที่อาศัยทางใจเกิดขึ้น จิตที่อาศัยทางใจเป็นวิถีจิตซึ่งสามารถที่จะรู้อารมณ์ได้ทุกอย่าง

    นี่คือความต่างสำหรับทางตาได้ยินไม่ได้เลย ต้องเห็นสีคือสิ่งที่ปรากฏเท่านั้น ทางหูเห็นไม่ได้เลย ต้องได้ยินเสียงเท่านั้น ทางจมูกก็ต้องได้กลิ่นอย่างเดียว ทางลิ้นลิ้มรสรู้รสอย่างเดียว ทางกายรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสอย่างเดียว แต่ทางใจสามารถจะรู้ได้ทุกอย่าง

    ที่มา ..

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 25

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 26


    หมายเลข 5798
    24 ม.ค. 2567