มโน - มโนทวาร - มโนทวาราวัชชนจิต


    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น วิถีจิตแรกถ้าเป็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นปัญจทวารวิถี ถ้าเป็นทางมโนทวาร ขณะนั้นไม่ใช่ปัญจทวารวิถี เป็นจิตอีกประเภทหนึ่งคือมโนทวารวิถีจิต ซึ่งวิถีแรกคือมโนทวารวัชชนจิต คราวก่อนเราพูดถึงคำว่า มโน แล้วคำว่าอะไรอีกคะ จำได้ไหมคะ เชิญคุณวิชัย

    อ.วิชัย ก็มีคำว่า “มโน” “มโนทวารวิถี” “มโนทวาร” “มโนทวาราวัชชนจิต”

    ท่านอาจารย์ คุณเด่นพงศ์จะร่วมสนทนาด้วยไหม คำว่า “มโน”

    ผู้ฟัง แปลว่าใจ แปลว่าจิต แปลว่าวิญญาณ

    ท่านอาจารย์ หมายความถึงตัวจิตทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นจิตประเภทไหน “มโนทวาร” มีใครจะร่วมสนทนากับคำว่ามโนทวาร ถ้ามีคำว่าทวาร และมโน หมายความว่าเป็นทวารของจิตที่จะเกิดขึ้นรู้อารมณ์โดยไม่ต้องอาศัยตา หู จมูก ลิ้น กาย

    เพราะฉะนั้น ทวารทั้งหมดมี ๖ ปัญจทวาร ๕ มโนทวาร ๑ ถ้าบอกว่าเป็นปัญจทวารไม่มีคำว่ามโนเลย จะเป็นนามธรรมไม่ได้ ปัญจทวารที่เป็นรูป ๕ รูปคือ จักขุปสาทม๑ โสตปสาท ๑ ฆานปสาท ๑ ชิวหาปสาท ๑ กายปสาท ๑ ทั้งหมดนี้เป็นทางที่จิตจะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่กระทบทวารนั้นๆ เพราะว่าเรามีตาเกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐานสำหรับกระทบสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้จึงมีจิตเห็นเกิดขึ้น มีหู กรรมเป็นสมุฏฐานทำให้โสตปสาทเกิดขึ้นกระทบเสียงจึงมีจิตได้ยินเสียงไม่ใช่ภวังค์ ขณะใดที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ขณะนั้นไม่ใช่ภวังคจิต เป็นวิถีจิตซึ่งจะต้องรู้ว่าทางทวารไหน ทางจักขุทวาร หรือทางโสตทวาร หรือทางฆานทวาร หรือทางชิวหาทวาร หรือทางกายทวาร

    แต่พอพูดถึงมโนทวาร มีคำว่ามโนแล้วเป็นทวาร เพราะฉะนั้นได้แก่ภวังคุปัจเฉทะจิต เพราะขณะที่เป็นภวังคจิต จิตจะเกิดดับสืบต่อเป็นภวังค์แล้วแต่จะมากจะน้อยเท่าไหร่ ขณะใดที่ยังไม่มีการรู้อารมณ์อื่น แต่พอจะรู้อารมณ์อื่น จิตต้องไหว จากภวังค์เป็นภวังคจลนะ และเมื่อภวังคจลนะดับก็เป็นภวังคุปัจเฉทะ ถ้ายังเป็นภวังค์อยู่ ยังไม่ได้รู้อารมณ์อื่นนอกจากอารมณ์ของภวังค์ แต่เมื่อเวลาจะเกิดการคิดนึกขึ้น พอภวังคุปัจเฉทะดับ มโนทวาราวัชชนจิตเกิดเป็นวิถีจิตแรก เพราะฉะนั้น สำหรับปัญจทวาราวัชชนะวิถีจิตแรกทางปัญจทวาร มโนทวาราวัชชนจิตเป็นวิถีจิตแรกทางมโนทวาร ขณะนี้กำลังเป็นอย่างนี้ แต่เราไม่สามารถที่จะรู้ได้ ถ้าผู้มีพระภาคไม่ทรงแสดง แต่จากการที่ทรงแสดงไว้โดยละเอียดก็จะทำให้เราเห็นความเป็นอนัตตาว่าไม่มีใครไปจัดการอะไรเลย จากภวังคจิตจะมาสู่การเห็นการได้ยิน ภวังค์ต้องไหว และดับไปแล้วกระแสภวังค์สุดท้ายเมื่อเป็นภวังคุปัจเฉทะแล้วภวังค์จะเกิดต่ออีกไม่ได้เลย ต้องเป็นวิถีจิต ถ้าใช้คำว่าภวังคจลนะ ภวังคุปัจเฉทะ ต่อไปก็คือมโนทวาราวัชชนะ เพราะเหตุว่าไม่ได้มีอารมณ์มากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ว่าขณะนั้นมีการสั่งสมของจิตที่ถึงกาลที่จะทำให้ภวังค์ไหว และภวังคุปัจเฉทะดับไปก็มีการคิดนึกโดยที่ไม่อาศัย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเลย

    เพราะฉะนั้น วิถีจิตแรกทางใจชื่อว่า มโนทวาราวัชชนจิต ขณะนี้มีไหม ชื่อนี่ไม่ยากแล้วใช่ไหม มโนคือจิตทั้งหมด ทุกประเภท มโนทวารต้องเป็นภวังคุปัจเฉทะเพราะเหตุว่าเป็นภวังค์ขณะสุดท้ายซึ่งเป็นทวารของจิตอื่นๆ ซึ่งรู้อารมณ์ทางใจ และสำหรับมโนทวารวิถีก็ได้แก่วิถีจิตทั้งหมดที่อาศัยเกิดสืบต่อจากมโนทวาราวชน หรือถ้าเป็นปัญจทวารก็เกิดสืบต่อจากปัญจทวาราวชน ให้ทราบความต่างกันของวิถีจิตกับจิตที่ไม่ใช่วิถี ถ้าเป็นปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ ไม่ใช่วิถีจิต แต่ถ้าเป็นชื่ออื่นทั้งหมดนอกจากภวังค์ เพราะว่าปฏิสนธิก็ดับไปแล้ว จุติก็ยังไม่เกิด ถ้าเป็นจิตชื่ออื่นทั้งหมดเป็นวิถี แล้วแต่ว่าจะเป็นวิถีจิตทางไหน

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 28


    หมายเลข 5892
    24 ม.ค. 2567