จิตคือนายมายากล
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ขณะที่รูปารมณ์กระทบกับภวังค์ รูปยังไม่ได้ดับ ปสาทรูปยังไม่ดับ แต่ยังไม่เห็นเพราะว่าขณะนั้นเป็นภวังค์ แต่ใช้คำว่าอตีตภวังค์เป็นเครื่องหมายให้รู้ว่าจักขุปสาทรูป และรูปารมณ์เกิดในขณะนั้น เมื่ออตีตภวังค์ดับแล้ว จิตอะไรเกิดต่อ ภวังคจลนะ ยังไม่เห็น รูปก็ยังไม่ดับ ปสาทรูปก็ยังไม่ดับ รูปารมณ์ก็ยังไม่ดับ พอภวังคจลนะดับไปแล้ว จิตอะไรเกิดต่อ ภวังคุปัจเฉทะ ใครจะเปลี่ยนแปลงได้ หรือไม่ ไม่ให้เป็นอย่างนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้ ต้องเป็นอย่างนี้ ภวังคุปัจเฉทะดับไปแล้ว จะเป็นภวังค์อีกต่อไปได้ หรือไม่ ไม่ได้ เพราะหมายความว่าสิ้นสุดกระแสภวังค์ คำนี้ใช้เรียกการสิ้นสุดของกระแสภวังค์ด้วยคำว่าภวังคุปัจเฉทะ เมื่อภวังคุปัจเฉทะดับไปแล้ว จิตอะไรเกิดต่อ วิถีจิตแรก ลืมไม่ได้ กิริยาจิตซึ่งทุกคนมีเพียงสองประเภทเท่านั้น สำหรับจักขุปสาทก็ต้องมีจักขุทวาราวัชชนจิตเกิดเป็นวิถีจิตแรก เห็น หรือยัง จักขุทวาราวัชชนจิต ยังไม่เห็น เพียงรู้ว่าอารมณ์กระทบทางตาดับไปเลย เพียงรู้แค่นั้น จิตอะไรเกิดต่อ จักขุวิญญาณเห็นแล้ว หนึ่งขณะเท่านั้นไม่ได้นาน หนึ่งขณะแล้วก็ดับไป หลังจากนั้นอะไรเกิดต่อ
อ.ธีรพันธ์ ขณะที่เห็นเป็นจักขุวิญญาณทำกิจเห็น หลังจากจักขุวิญญาณจิตดับไปแล้ว สัมปฏิจฉันนะจิตก็รับอารมณ์คือสีนั้นต่อ
ท่านอาจารย์ ขณะนี้จักขุวิญญาณดับ หรือเปล่า ความจริงจิตมีอายุที่สั้นมาก เกิดแล้วก็ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปแสนเร็ว เพราะฉะนั้นใครจะยับยั้งให้จิตขณะนี้ยาว หรือว่ามากกว่าสามขณะนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจิตเกิดขึ้นมีอายุเพียงแค่ ๓ อนุขณะแล้วก็ดับ แต่ทำไมเห็นตลอดเวลา เหมือนไม่ดับเลยใช่ หรือไม่ นี่คือนายมายากล จิตเกิดดับเร็วมากจนกระทั่งปรากฏเสมือนว่าไม่ดับ มีใครเล่นกลที่เอานกออกมาจากหมวกได้ไหม ทำไมได้ แล้วจิตมิยิ่งวิจิตรกว่านั้น หรือ นั่นเพียงแต่อาศัยความชำนาญก็สามารถจะทำเสมือนเป็นอย่างนั้นได้ แต่นายมายากลยิ่งกว่านายมายากลใดๆ ก็คือจิต เพราะว่าเกิดดับเร็วมาก และก็รู้อารมณ์ และก็ยังมีเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยทำกิจการงานเฉพาะเจตสิกนั้นๆ
ที่มา ...