ปฏิสนธิจิตอาศัยทหยรูปเกิด แต่ไม่กระทบหทยรูป
ผู้ฟัง ปฏิสนธิจิตก็กระทบกับหทยรูป ๑ ขณะ
ท่านอาจารย์ เหตุใดใช้คำว่ากระทบ
ผู้ฟัง เพราะว่าเป็นที่เกิดของจิต
ท่านอาจารย์ เป็นที่เกิด ไม่ได้กระทบ อาศัยเกิดพร้อมกันเป็นสหชาตปัจจัย
ผู้ฟัง หลังจากที่ปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว ภวังคจิตก็เกิดต่อ
ท่านอาจารย์ เกิดที่หทยรูป แต่ไม่ได้หมายความว่ากระทบ
ผู้ฟัง ซึ่งมีอารมณ์เดียวกับปฏิสนธิจิต
ท่านอาจารย์ ถูกต้อง
ผู้ฟัง หลังจากนั้นแล้ว ก็ภวังคุปัจเฉทะ ใช่ หรือไม่
ท่านอาจารย์ ถ้ายังไม่มีอารมณ์อื่นก็ยังเป็นภวังค์ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้อารมณ์ที่ไม่ใช่อารมณ์ของภวังค์เมื่อใด เมื่อนั้นจึงไม่ใช่ภวังค์ ถ้าเป็นทางใจไม่ได้มีอารมณ์ที่เป็นรูปมากระทบเลย เพราะฉะนั้นไม่มีอตีตภวังค์ที่จะต้องไปนับอายุของรูป ก็มีภวังคจลนะก่อน ไหว เพื่อที่จะรู้อารมณ์ใหม่ที่ไม่ใช่อารมณ์ของปฏิสนธิ เมื่อภวังคจลนะดับก็เป็นปัจจัยให้ภวังค์อีกหนึ่งขณะเกิดสืบต่อเป็นภวังคุปัจเฉทะ คือ สิ้นสุดกระแสภวังค์ จะเป็นภวังค์อีกต่อไปไม่ได้เมื่อภวังคุปัจเฉทะดับไปแล้ว
ต่อจากนั้นก็จะเป็นมโนทวาราวัชชนจิต นึกถึง รำพึงถึงอารมณ์อะไร กุศลจิต หรือ อกุศลจิตก็มีอารมณ์นั้นที่มโนทวาราวัชชนจิตรู้เป็นอารมณ์สำหรับทางมโนทวาร
ที่มา ...