ขณะหลับเป็นธรรมหรือไม่


    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ในขณะที่กำลังหลับ เป็นธรรม หรือไม่ เป็น เป็นเรา หรือไม่ ถ้าตอบว่าเป็นธรรม คือ จะไม่ใช่เราเลย ธรรมก็คือธรรม คำพูดไหนกล่าวแล้วจริงก็จะต้องไม่เปลี่ยน กำลังหลับก็เป็นธรรม ขณะที่หลับเป็นจิต หรือเจตสิก เป็นจิต และเจตสิกใช่ไหม เพราะว่าจิตจะเกิดโดยไม่มีเจตสิกไม่ได้ ถึงแม้เราจะกล่าวชื่อของจิตขณะใดก็ตาม ให้ทราบว่าขณะนั้นกล่าวรวมถึงเจตสิกด้วย เช่นคำว่าจิตตุปาทะ มาจากคำสองคำ (จิตตะ กับ อุปาทะ) อุปาทะแปลว่าเกิด เพราะฉะนั้นจิตตอุปาทะคือจิตเกิดขึ้น แต่ในที่นั้นต้องรวมเจตสิกด้วย ทั้งจิต และเจตสิกที่เกิดขึ้นในขณะนั้นที่เป็นจิตตุปาทะ ถ้ามีความเข้าใจที่มั่นคงจริงๆ จะถามแบบไหนอย่างไร ก็สามารถที่จะตอบได้ว่า เป็นจิต และเจตสิกแน่นอน เจตสิกขณะนั้นหลับ หรือว่าเกิดขึ้นทำหน้าที่การงานของเจตสิก

    ผู้ฟัง ถ้าจิตไม่หลับ เจตสิกก็ต้องไม่หลับ

    ท่านอาจารย์ คำตอบ ถ้าจิตไม่หลับ เจตสิกก็ไม่หลับ เพราะฉะนั้นในขณะที่หลับ เจตสิกหลับ หรือว่าเกิดขึ้นทำกิจการงาน

    ผู้ฟัง เกิดขึ้นทำกิจการงาน

    ท่านอาจารย์ ถ้ามีจิตเกิด ก็ต้องมีเจตสิกเกิดด้วย จะมีแต่จิตเกิดโดยไม่มีเจตสิกเกิดไม่ได้เลย แต่ทั้งจิต และเจตสิกทำภวังคกิจ ที่เราใช้คำว่าหลับหมายความว่า ไม่รู้อารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ไม่มีเลยที่อารมณ์ของโลกนี้จะปรากฏได้ เพราะขณะนี้ เห็น ไม่ใช่หลับ ได้ยิน ไม่ใช่หลับ ถ้าได้กลิ่น ไม่ใช่หลับ ได้ลิ้มรส ไม่ใช่หลับ รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกายก็ไม่หลับ คิดนึกก็ไม่หลับ นอกจากนั้นแล้วขณะนั้นเป็นภวังคจิต เพราะว่าไม่มีการรู้อารมณ์ทางหนึ่งทางใดใน ๖ ทางเลย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 34


    หมายเลข 6130
    17 ม.ค. 2567