การศึกษาธรรมเป็นเรื่องตามลำดับซึ่งละเอียดมาก
การศึกษาธรรมเป็นเรื่องตามลำดับซึ่งละเอียดมาก จึงจำเป็นต้องมีพื้นฐานความเข้าใจจริงๆ ในสิ่งที่ได้ยินตามลำดับด้วย เช่น ถ้าได้ยินคำว่าธรรมก็ให้เข้าใจ ว่าหมายความถึงสิ่งที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน จึงใช้คำว่าธรรม และไม่มีใครเป็นเจ้าของด้วย ค่อยๆ พิจารณาจนกระทั่งเห็นว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ และเมื่อกล่าวว่าสิ่งที่มีจริงเป็นธรรม ก็เพิ่มความรู้ของเราได้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่มีจริง และอะไรเป็นธรรม เช่นเห็นกำลังมีจริงๆ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม ก็รู้ว่าเป็นธรรมเพราะมีจริงๆ เสียงมีจริงก็เป็นธรรมเพราะเหตุว่าเสียงปรากฏ และเมื่อรู้ว่าเป็นธรรมแล้วยังสามารถที่จะเข้าใจความต่างของธรรม ๒ อย่าง คือสภาพธรรมที่เป็นรูปธรรม และ นามธรรม
แต่ถึงจะรู้เช่นนี้ก็ยังไม่ได้ละความเป็นเรา จึงจะต้องมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น เป็นผู้ที่ฟังมากไตร่ตรองมาก เข้าใจขึ้นจนกว่าจะถึงกาละที่สามารถจะรู้ความเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง ไม่ใช่เพียงแต่ฟังเรื่องราวของสภาพธรรมแต่ละอย่าง เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจนามธรรม และรูปธรรม ก็จะเข้าใจต่อไปอีกว่านามธรรมที่เกิดไม่ใช่มีแค่จิตแต่ยังมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย
สิ่งใดก็ตามที่ได้ยินได้ฟัง ขอให้เข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟังชัดเจนตามลำดับ ซึ่งตามลำดับนี้ต่อไปก็จะมีความละเอียดแยกออกไปอีก แต่คร่าวๆ ในเบื้องต้นตอนนี้ก็คือให้เข้าใจว่าถ้าเป็นเรื่องของนามธรรมก็เป็นเรื่องชาติ คือต้องทราบว่าจิต เจตสิก มี ๔ ชาติ จะได้ไม่สับสนระหว่างสภาพธรรมที่เป็นเหตุกับสภาพธรรมที่เป็นผล และสภาพธรรมที่แม้ไม่ใช่เหตุ แม้ไม่ใช่ผลก็มี และก็เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันด้วย ให้ค่อยๆ ศึกษาไป หากกล่าวถึงรูปต้องเข้าใจว่า ไม่ว่าจะที่ไหน อย่างไร หยาบ ละเอียด ปรากฏ ไม่ปรากฏก็ตาม เมื่อเป็นรูปแล้วไม่ใช่สภาพรู้ ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยทั้งสิ้น นี่เป็นประการแรก และประการต่อไปคร่าวๆ เช่นที่เราเคยรู้ตอนที่เป็นเด็กก็จะมีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ทั้งหมดก็คือรูป แต่ละรูปเป็นรูปที่เป็นรูปใหญ่ เป็นประธาน รูปใดๆ ก็ตาม จะเกิดไม่ได้ถ้าปราศจากมหาภูตรูป ๔ คือปราศจากธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมไม่ได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่กล่าวถึงรูปอื่นที่ต่างจากนี้ เช่น ปสาทรูป เป็นต้น ก็ต้องรู้ว่าไม่ใช่ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ไม่ใช่รูปที่เป็นใหญ่ ๔ รูปนี้ และรูปที่เป็นใหญ่ ๔ รูปนี้เรียกว่า "มหาภูตรูป" ส่วนรูปอื่นๆ ทั้งหมดต้องอาศัยมหาภูตรูป ๔ นี้จึงมี จึงเกิดขึ้นได้ รูปนั้นเรียกว่า "อุปาทายรูป"
เพราะฉะนั้นถ้าเข้าใจตามลำดับอย่างนี้เมื่อได้ยินชื่อรูปหนึ่งรูปใดเช่น ปสาทรูป ก็รู้ว่าไม่ใช่มหาภูตรูป ถ้าได้ยินคำว่าเสียงก็รู้ว่าไม่ใช่มหาภูตรูป ต้องเป็นอุปาทายรูป และเมื่อได้ยินคำว่า ปสาทรูป ก็เข้าใจได้ว่าหมายถึงรูปอะไร
ที่มา ...