ควรที่จะได้เข้าใจจิตในชีวิตประจำวัน


    เพราะฉะนั้น เวลาที่เราจะพูดถึงธรรมไม่ว่าจะกล่าวถึงจิตก็ควรที่จะได้เข้าใจจิตในชีวิตประจำวัน จึงเป็นเหตุที่ต้องมีประเภทอื่นๆ ของจิต เช่นกิจการงานของจิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่นทุกคนเกิดมาเป็นที่แน่นอน แต่มีใครบ้างที่จะรู้ว่าคนเราต่างกันไป มากแล้วก็ละเอียดโดยประการทั้งปวง เช่น แม้แต่รูปร่างหน้าตาก็ไม่เหมือนกัน จะไปเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาของเราซึ่งเกิดมาแล้วให้เป็นอย่างอื่นได้ไหม ก็ลองคิดดู อะไรทำให้เป็นอย่างนั้น ทำให้มีคิ้วอย่างนี้ ที่มีตาอย่างนั้น มีจมูก มีปาก มีร่างกาย แม้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นผู้ที่ประเสริฐสุด กรรมก็ทำให้พระวรกายของพระองค์ต่างกับบุคคลอื่น นี่ก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เกิด เราก็ไม่รู้ว่าเป็นผลของกรรมแต่เมื่อศึกษาแล้วก็จะทราบได้ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม เช่น เกิดเป็นสัตว์ เป็นนก เป็นปู เป็นปลา สภาพก็ต่างกันแล้ว รูปร่างก็ต่างกันแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเป็นอย่างนั้น อะไรทำให้เกิด แม้แต่อกุศลกรรมที่ทำให้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยังต่างกัน สัตว์ในน้ำก็มีรูปร่างต่างๆ ความวิจิตรของเขาน่าจะดูว่าทำไมอะไรทำให้วิจิตรถึงอย่างนั้น เช่น ปลาหมึกก็มีหนวด หนวดปลาหมึกนี่มากมาย ส่วนสัตว์บนบก ที่มีขาก็มี ที่ไม่มีขาก็มี ถ้าเข้าใจจริงๆ จะเห็นความเป็นธรรมค่อยๆ ละเอียดขึ้น จนกว่าสามารถที่จะน้อมไปสู่ความเป็นจริงของธรรมทีละเล็กทีละน้อยเป็นการอบรมเจริญปัญญาจริงๆ ที่จะเข้าใจสภาพธรรมที่มีกำลังปรากฏ

    เกิดมาก็ต่างกัน เกิดมาแล้วยังต่างกันอีก ไม่ใช่ว่าต่างกันเพียงแค่เกิด ความคิดก็ไม่เหมือนกัน คิดถูกก็มี คิดผิดก็มี คิดดีก็มี คิดชั่วก็มี แสดงให้เห็นว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตาจริงๆ ไม่ใช่มีแต่เฉพาะเห็น ได้ยิน แต่ยังมีความคิดต่างๆ ทั้งๆ ที่ทุกคนในขณะนี้เห็นอย่างเดียวกัน สิ่งที่ปรากฏให้เห็นเหมือนกัน แต่คิดไม่เหมือนกันเลย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 40


    หมายเลข 6279
    18 ม.ค. 2567