พิสูจน์ความแตกต่างของธรรมด้วยปัญญาอีกระดับหนึ่ง


    ผู้ฟัง ขอให้อธิบายความแตกต่าง เด็กโกรธ เราก็รู้ว่านั่นเด็กโกรธเพราะเขาอยากได้ของ นี้ก็คือโกรธ คือโทสะ สิ่งนี้คือโลภะ แล้วต่างกันอย่างไร ๒ อย่างนี้

    ท่านอาจารย์ ก็คงจะลำบาก ถ้าเขาไม่ได้สะสมความหนักแน่นที่จะต้องเข้าใจถูกต้องว่าขณะนี้เป็นธรรมไม่ต้องไปหาที่อื่นเลย แต่ไม่เคยรู้มาก่อน เพราะฉะนั้น ก่อนที่แต่ละคนจะได้ฟังธรรม แล้วก็ได้ฟังธรรม แล้วก็เริ่มเข้าใจ ก็พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง ว่าก่อนนั้นไม่เคยรู้เลยว่าเป็นธรรม ไม่มีใครบอก มีแต่ความเป็นเราทั้งหมด แต่เมื่อได้ยินได้ฟังก็เริ่มเข้าใจว่าผู้ที่ตรัสรู้ก็ได้ทรงแสดงว่า เราไม่มี แต่มีธรรม ก็จะค่อยๆ ไตร่ตรองไป เพราะฉะนั้นก็เป็นความเข้าใจของแต่ละคน จนกระทั่งสามารถที่จะรู้จักตัวธรรมจริงๆ ด้วยปัญญาอีกระดับหนึ่ง เพราะรู้ว่า เพียงแค่ฟังก็เป็นเรื่องราวของธรรม พิจารณาก็เป็นเรื่องราว เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่ตัวธรรมก็กำลังปรากฏ เหมือนเช่นที่คุณสุรีย์ถามครั้งแรกว่า เหตุใดพระผู้มีพระภาคทรงจำแนกจิตเป็น ๔ ชาติ จริงๆ แล้ว พระผู้มีพระภาคไม่ได้หมายความว่าทรงจำแนกโดยพระองค์เอง แต่เนื่องจากว่าสภาพธรรมเป็นอย่างไร ก็ทรงแสดงความจริงของสภาพธรรมนั้นว่าเป็นอย่างนั้น เหมือนขณะนี้ที่กำลังนั่ง จะเป็นคน จะเป็นเรา จะเป็นเพื่อน จะเป็นอะไรก็ตามแต่ แต่กำลังฟังให้เข้าใจจริงๆ แล้ว สิ่งที่มีจริงๆ ที่ปรากฏจริงๆ แต่ละขณะนั้นเป็นอะไร นี่คือความเข้าใจที่เริ่มเข้าใจการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าทรงตรัสรู้ความจริงแท้ของสภาพธรรม และก็ทรงแสดงความจริงนั้นว่าเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง

    เพราะฉะนั้น เด็กโกรธ ผู้ใหญ่โกรธ ลักษณะของโกรธก็ไม่เปลี่ยน ความคิดว่าเป็นเราก็ไม่เปลี่ยน จนกว่าจะรู้ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ได้เพียงทรงแสดงเรื่องของสภาพธรรมให้เราเข้าใจ แต่ทรงแสดงหนทางที่จะอบรมเจริญปัญญาให้ประจักษ์แจ้งความจริงอย่างที่พระองค์ประจักษ์แจ้งด้วย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 49


    หมายเลข 6450
    18 ม.ค. 2567