แน่ใจหรือว่าเป็นกุศลโสมนัส หรือ โลภะที่เกิดกับโสมนัส


    ท่านอาจารย์ สำคัญที่สุดคือแน่ใจ หรือว่าขณะนั้นเป็นกุศลโสมนัส หรือ เป็นโลภะโสมนัส ถ้าเกิดร่วมกันใกล้เคียงกัน เพราะบางครั้งเราคิดว่าเป็นกุศล แต่ความจริงเป็นโลภะ เช่น เวลาที่เห็นเด็กกำพร้า เราไปช่วยป้อนอาหาร หรือช่วยเหลืออื่นๆ มีโลภะร่วมด้วย หรือไม่ หรือว่ามีแต่เฉพาะเมตตากรุณา คุณจำนงค์บอกว่า เวลาที่สติสัมปชัญญะเกิด ก็ไม่สามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้นได้ว่า เป็นจิตประเภทไหน ถูกต้องใช่ หรือไม่

    ผู้ฟัง บางครั้งอยากให้สติปัฏฐานเกิด มันเป็นโลภะ ตรงนี้ พิจารณาละเอียดจริงๆ ผมรู้ตนเองว่าไม่ใช่สติของผม แต่เป็นอกุศล เป็นโลภะ แล้วเราเข้าใจว่าเป็นกุศลมาตั้งนาน

    ท่านอาจารย์ นี่คือปัญญาที่เริ่มเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง แต่ยังเป็นเรา เพราะฉะนั้นจะเห็นได้จริงๆ ว่าที่สำคัญที่สุด ที่เราศึกษาทั้งหมดไม่ควรจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดความอยากจะให้เป็นอย่างนี้ หรืออยากจะให้เป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นกุศลก็อยากจะให้เป็นโสมนัส ไม่ว่าจะเป็นกุศลโสมนัส หรือโทมนัสก็ตาม อกุศลใดๆ หรือ กุศลใดๆ ก็ตาม ก็ไม่ใช่เรา ต้องมีความมั่นคง ที่กล่าวอย่างนี้ก็จะเห็นความละเอียดว่าข้ามอะไรไป หรือไม่ คือข้ามเวลาที่สติสัมปชัญญะเกิด รู้ว่าเป็นธรรม เป็นลักษณะหนึ่ง ลักษณะนั้นเปลี่ยนไม่ได้อยู่แล้ว และสติสัมปชัญะก็กำลังรู้ตรงนั้นอยู่แล้ว ความสงสัยทุกคนไม่เคยเห็นเลย เวลาที่ศึกษาโมหมูลจิตวิจิกิจฉาสัมปยุตต์ แต่ตรงไหนล่ะ ตรงนั้นใช่ไหม ที่พอสติสัมปชัญญะที่ระลึกลักษณะของสภาพธรรมนั้นดับไป สงสัยแล้วว่าเป็นนามธรรมประเภทไหน หรือว่าเป็นรูปธรรมอย่างไร แต่ตามความจริงต้องละเอียด

    เพราะเหตุว่า ขณะนั้นเปลี่ยนลักษณะนั้นไม่ได้ประการที่หนึ่ง แต่ปัญญายังไม่สามารถที่จะเข้าใจจริงๆ ถึงลักษณะที่ต่างของนามธรรม และรูปธรรม และไปคิดถึงว่าขณะนั้นเป็นนามธรรมประเภทใด และเป็นจิตอะไร ตามมาได้อีกมากมาย เพราะฉะนั้นที่จะไม่ข้ามก็คือว่า มีความเข้าใจจริงๆ กับสิ่งที่กำลังปรากฏว่าเป็นธรรมลักษณะนั้น แล้วก็ต้องค่อยๆ คุ้นเคยชินกับลักษณะนั้น และลักษณะอื่นๆ ซึ่งลักษณะนั้นบ่งบอกอยู่แล้วว่า ลักษณะของรูปธรรมเป็นรูปธรรมนั่นแหล่ะ ไม่ว่าเราจะต้องไปคิด หรือไม่คิดก็ตาม ลักษณะของรูปเป็นแข็งก็คือแข็ง ไม่ใช่ว่าต้องไปเน้นว่าไม่ใช่สภาพรู้ หรืออะไร นี่ก็ประการหนึ่ง

    เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่ละเอียดจริง อย่างท่านหนึ่งท่านไปเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็ได้ไปป้อนอาหาร เด็กก็น่ารักในความรู้สึกของทุกคนที่มีกุศล และอกุศลสลับกัน ป้อนไปป้อนมาเด็กก็ค่อยๆ เอียงตัวแล้วก็หลับปุ๋ย น่ารักใช่ไหม กุศลจิต หรืออกุศลจิต นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องมีความละเอียดที่จะรู้ว่า แม้ขณะที่ทำกุศล อกุศลเกิดเมื่อใด ขณะไหน ความกรุณากับโลภะเกิดสลับกัน หรือไม่ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ว่าไปเลี้ยงเด็กกำพร้า แล้วก็ได้ป้อนอาหารเด็กก็เป็นความกรุณา แต่ว่ามีโลภะบ้างไหมในขณะหนึ่งขณะใด

    ผู้ฟัง ก็เพราะผมรู้ว่าเป็นโลภะของผม ก็เกิดปิติเหมือนกัน แต่มันเล็กๆ

    ท่านอาจารย์ ปิตินั้นประกอบด้วยปัญญา ไม่ใช่ปิติที่ประกอบด้วยโลภะก็มีความต่างกัน

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 54


    หมายเลข 6565
    19 ม.ค. 2567