การจำแนกจิตโดยเหตุกับชีวิตประจำวัน


    อ.กุลวิไล ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยขยายความเรื่องของการจำแนกจิตโดยเหตุ ที่เราจะพิจารณาในชีวิตประจำวัน

    ท่านอาจารย์ โดยขั้นการฟังก็สามารถที่จะคิดว่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังที่เข้าใจแล้วนั้น เมื่อคิดโดยละเอียดต่อไป เราก็เข้าใจถูกต้องยิ่งขึ้น หรือไม่ เป็นลำดับ ไม่ใช่ว่าเราจะไปสามารถพิจารณาเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่เรากล่าวถึงได้โดยทันที และรู้โดยทันทีว่าเป็นอย่างนั้นๆ ซึ่งไม่ใช่ตัวตน เพราะฉะนั้นก็ขอถามง่ายๆ เลยว่า กุศลจิตมีเจตสิกที่เป็นเหตุเกิดร่วมด้วย หรือไม่ ต้องมี กล่าวแล้วว่ากุศลต้องเป็นอโลภเจตสิก อโทสเจตสิกที่เป็นโสภณเจตสิก ถ้าเป็นอกุศลจิตก็ต้องประกอบด้วยเจตสิกฝ่ายไม่ดีที่เป็นเหตุ และถ้าเป็นกุศลจิตก็ต้องประกอบด้วยเหตุเจตสิกที่เป็นฝ่ายดี

    อกุศลจิตมีเหตุอะไรเกิดร่วมด้วย โมหเจตสิก เมื่อเข้าใจแล้วก็จะคิดเองได้ อกุศลจิตมีอกุศลเจตสิกที่เป็นเหตุเกิดร่วมด้วย หรือไม่ ต้องมี อกุศลเจตสิกที่เป็นเหตุ คืออะไร ก็ต้องเป็นอวิชชา หรือโมหเจตสิกแน่นอนซึ่งต้องเกิดกับอกุศลจิตทุกประเภท โลภมูลจิต มีเจตสิกที่เป็นเหตุเกิดร่วมด้วย หรือไม่ ต้องมี เหตุอะไรที่เกิดร่วมด้วยกับโลภมูลิจิต มี ๒ เหตุ คือโมหเจตสิกขาดไม่ได้เลย และก็ยังเพิ่มโลภเจตสิกอีกหนึ่ง เพราะฉะนั้นโลภมูลจิตก็จะมี ๒ เหตุคือ โมหเหตุ ๑ โลภเหตุ ๑ ชื่อว่าทวิเหตุ หรือทวิเหตุกะก็ได้ สำหรับเจตสิกที่มีเหตุเกิดร่วมด้วย ๒ เหตุ เช่น โลภมูลจิตเป็นจิตที่มีโลภเจตสิกเกิดร่วมด้วย และก็มีโมหเจตสิกเกิดร่วมด้วย สภาพของโมหะคือสภาพที่ไม่สามารถเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ ทำให้มีความติดข้องเพราะโลภเจตสิกเกิดร่วมด้วยในขณะนั้น สภาพธรรมนี้เกิดกับสัตว์เดรัจฉานได้ หรือไม่ ได้ เกิดกับคนได้ หรือไม่ ได้ เกิดกับคนยากจนได้ หรือไม่ เกิดกับเศรษฐีได้ หรือไม่ เกิดกับพระราชาได้ หรือไม่ นี้คือความจริงที่เราพูดถึงสภาพของจิต ขณะใดเกิดขึ้นก็เป็นปรมัตถธรรม ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เพราะฉะนั้นขอถามว่าคนยากจนจะมีกุศลจิต หรือไม่ หรือคนที่มั่งมีเศรษฐีจะมีโลภมูลจิต หรือไม่

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 57


    หมายเลข 6592
    19 ม.ค. 2567