ถามเพื่อให้เข้าใจความเป็นอนัตตาของธรรมมั่นคงขึ้น


    ท่านอาจารย์ ถามไม่ใช่เพื่อให้งง แต่ว่าเพื่อให้เราแน่ใจจริงๆ ว่าที่เราเข้าใจทั้งหมดมั่นคง แม้แต่ในเรื่องของเหตุซึ่งมีเจตสิก ๓ ดวงที่เป็นอกุศลเหตุก็จะต้องมั่นคงจริงๆ ว่านอกจากนี้แล้วที่เป็นอกุศลเหตุนั้นไม่มี แต่ว่าทางฝ่ายโสภนเหตุก็มี อโลภเจตสิก อโทสเจตสิก อโมหเจตสิก ก็ต้องมั่นคง ใช้คำว่า “โสภณ” เพราะว่าเกิดกับกุศลจิตก็ได้ แต่จะต้องเป็นฝ่ายดี เพราะว่ามีเหตุที่ดีเกิดร่วมด้วย และเกิดกับวิบากก็ได้ เกิดกับกิริยาก็ได้ เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าเราพอใจว่าเราได้รู้ชื่อ รู้จำนวน แต่ว่าเราต้องมีความเข้าใจที่มั่นคงจริงๆ ที่ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเหตุว่าธรรมเป็นจริงอย่างไร

    พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดงว่าเปลี่ยนไม่ได้ เป็นลักษณะของสภาพธรรมนั้นๆ เช่นผัสสเจตสิกเป็นเหตุ หรือนเหตุ เป็นนเหตุ เป็นอเหตุกะ หรือสเหตุกะ ไม่ว่าเจตสิกนั้นจะเกิดกับจิตประเภทใดทั้งสิ้น ถ้าเกิดร่วมกับเจตสิกที่เป็นเหตุก็เป็นสเหตุกะ ถ้าไม่เกิดร่วมกับเจตสิกที่เป็นเหตุก็เป็นอเหตุกะ เพราะฉะนั้นนอกจากจะกล่าวถึงจิตแล้วยังกล่าวถึงเจตสิกได้ด้วยว่าเจตสิกใด มีเจตสิกที่เป็นเหตุเกิดร่วมด้วย เจตสิกนั้นจะเกิดกับจิตไหน เมื่อไร อย่างไรก็ตามแต่ ก็ต้องเป็นสเหตุกะเพราะเหตุว่ามีเจตสิกที่เป็นเหตุเกิดร่วมด้วย แต่เจตสิกใดจะเกิดกับเจตสิกใดก็ตามแต่ ถ้าเจตสิกนั้นไม่เกิดร่วมกับเจตสิกที่เป็นเหตุ ก็เป็นอเหตุกะ

    โลกุตตรจิต เป็นเหตุ หรือ นเหตุ เป็น นเหตุ เพราะว่าไม่ใช่เจตสิก ๖ จิตที่เป็นอกุศลไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วยได้ หรือไม่ ไม่ได้ ถ้าไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วยแล้วจะเป็นอกุศลได้อย่างไร โลภะก็ไม่มี โทสะก็ไม่มี โมหะก็ไม่มี แล้วก็จะให้เป็นอกุศลเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเป็นทางฝ่ายกุศล ก็จะต้องมีโสภณเหตุเกิดร่วมด้วย ผัสสเจตสิก เป็นเหตุ หรือ นเหตุ เป็น นเหตุ คือไม่ใช่เหตุ เป็นสเหตุกะ หรืออเหตุกะ ถ้าเกิดร่วมกับเหตุเป็นสเหตุกะ ถ้าไม่เกิดร่วมกับเหตุเป็นอเหตุกะ

    โมหะเหตุที่เกิดร่วมกับโมหเจตสิกเป็นเหตุ หรือ นเหตุ เป็นเหตุ เป็นนเหตุได้ หรือไม่ ไม่ได้ เป็นอเหตุกะได้ หรือไม่ ได้ เมื่อเกิดกับโมหมูลจิตเพราะว่าไม่มีเหตุอื่นเกิดร่วมด้วยเลย แต่เป็นสเหตุกะเมื่อเกิดกับโลภมูลจิต และโทสมูลจิต เพราะมีโลภเจตสิกเกิดร่วมด้วย และมีโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วย ผัสสเจตสิกที่เกิดกับโมหมูลจิตเป็นสเหตุกะ หรืออเหตุกะ เป็นสเหตุกะ โมหเจตสิกที่เกิดกับโมหมูลจิตเป็นเหตุ หรือนเหตุ เป็นเหตุ โมหเจตสิกที่เกิดกับโมหมูลจิตเป็นสเหตุกะ หรืออเหตุกะ ถ้าใครว่าเป็นอเหตุกะ กรุณายกมือ ถูกต้อง เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมที่มุ่งคือให้เข้าใจความเป็นอนัตตา ทั้งหมดนี้เราต้องทราบว่าสิ่งที่มีปรากฏรอบตัวทุกวันเป็นธรรมทั้งหมด และก็เป็นอนัตตาทั้งหมด เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะเรียนอะไรเพื่อความเข้าใจในความเป็นอนัตตา ถ้าสามารถที่จะเข้าใจยิ่งขึ้นในความละเอียดของสภาพธรรม ก็ยิ่งเห็นความเป็นอนัตตา กว่าจะสามารถสละความเป็นอัตตา หรือว่าความที่เคยยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เพราะฉะนั้นต้องทราบจุดประสงค์ด้วย ศึกษาเพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมที่เป็นอนัตตา จนกว่าจะประจักษ์แจ้ง นี่คือจุดประสงค์ วันหนึ่งถ้ามีความเข้าใจเพิ่มขึ้นต้องประจักษ์แจ้งได้ แต่ต้องมีเหตุที่สมควรคือไม่ใช่เพียงขั้นฟัง แต่ต้องถึงขั้นเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏจนกระทั่งประจักษ์ความจริง

    อ.กุลวิไล ส่วนใหญ่ก็เคยสังเกตตนเองเหมือนกัน เพราะว่าถ้าเราเรียนโดยความจำ เราจะไม่ค่อยคิด แต่ถ้าเรามีการคิดพิจารณา เราจะมีความเข้าใจด้วย เพราะฉะนั้นเราจะมีทั้งความเข้าใจ และความจำในเวลาเดียวกัน

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 57


    หมายเลข 6669
    19 ม.ค. 2567