ขณะที่ไม่เห็น จักขุปสาทรูป ไม่เป็นจักขุทวาร
ผู้ฟัง ปัญจทวาราวัชชนจิตรับรู้อารมณ์ แต่ยังไม่ได้เห็นใช่ไหม
ท่านอาจารย์ อาศัยทวารนั้นจึงรู้อารมณ์กระทบทวารนั้น แต่ยังไม่เห็น ปรมัตถธรรมมี จิต เจตสิก รูป ขณะเห็นอาศัยอะไรเป็นทวาร
ผู้ฟัง จักขุปสาทรูปเป็นทวาร
ท่านอาจารย์ ถ้าใช้คำว่า ปรมัตถ์ต้องเป็นจักขุปสาทรูป จักขุปสาทรูปนั่นเองเป็นทวาร เมื่อมีจิตอาศัยรูปนั้นเกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่กระทบ แต่ถ้าจิตนั้นไม่ได้มีรูปที่อาศัยทวารนั้นเกิดขึ้น จักขุปสาทรูปซึ่งไม่มีจิตเกิดขึ้นอาศัยเป็นทางที่จะรู้รูปนั้น จักขุปสาทรูปนั้นไม่ใช่จักขุทวาร กำลังนอนหลับสนิทมีจักขุปสาทรูปเกิดดับ แต่ขณะใดที่ไม่มีการเห็น ไม่มีวาระที่จะเห็นสิ่งที่ปรากฏขณะนั้นเป็นจักขุปสาทรูป แต่ไม่ใช่จักขุทวาร
ขณะที่ปัญจทวาราวัชชนจิตเกิดขึ้น จักขุปสาทรูปเป็นเหตุหรือไม่ ไม่เป็นเพราะเป็น "นเหตุ" อย่าลืมว่ารูปทั้งหมดเป็นเหตุไม่ได้เลย ปัญจทวาราวัชชนจิตที่เกิดขึ้นเป็นวิถีจิตแรกมีเหตุเกิดร่วมด้วยหรือไม่ "ไม่มี" เพราะฉะนั้นจึงเป็นอเหตุกะ ไม่ใช่สเหตุกะ อาศัยทวารอะไร ปัญจทวาราวัชชนจิต อาศัยปสาทรูปทั้ง ๕ เป็นทวารทั้ง๕ ได้ ปัญจทวาราวัชชนจิตเกิดที่ไหน "หทยวัตถุ" เมื่อจักขุวิญญาณเกิดสืบต่อ จักขุวิญญาณเป็นเหตุหรือไม่ "จักขุวิญญาณไม่เป็นเหตุ" จักขุวิญญาณมีเหตุเจตสิกเกิดร่วมด้วยเหรือไม่ "ไม่มี" เป็นอเหตุกะ จักขุวิญญาณเป็นจิต เป็นนเหตุ เป็นอเหตุกะด้วย จักขุวิญญาณอาศัยทวารไหน อาศัย "จักขุปสาทรูปเป็นจักขุทวาร" ตัวจริงๆ คือจักขุปสาทรูป แต่เมื่อจิตรู้อารมณ์ที่กระทบกับจักขุปสาทนั้น จักขุปสาทนั้นจึงเป็นทวารให้จิตเห็นเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏ จักขุวิญญาณเกิดที่ไหน เกิดที่ "จักขุปสาทรูป" เพราะฉะนั้นรูปซึ่งเป็นที่เกิดของจิตคือ "วัตถุ" เพราะขณะนั้นถ้าพูดถึงทวาร คือเป็นทางที่จะรู้อารมณ์ แต่เมื่อพูดถึงวัตถุหมายความถึงเป็นที่เกิด ถ้าเข้าใจจิต ๓ ดวงนี้ได้ การเข้าใจจิตอื่นๆ ก็คงจะไม่มีปัญหา
ที่มา ...