อาการของจิต ลักษณะเจตสิก
ผู้ฟัง ขอให้อธิบายอาการของจิต และลักษณะของเจตสิก อาการของเจตสิก
ท่านอาจารย์ ขณะนี้มีเห็นไหม นี่แหละคือ จิต ไม่มีรูปร่าง แต่สามารถที่จะรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นสภาพรู้หรือธาตุรู้ ฉะนั้นเมื่อพูดถึงจิต ก็ขณะนี้กำลังมีจิต แต่ไม่รู้ว่านั่นเป็นจิต คิดว่าเป็นเรา แต่จริงๆ แล้วสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมมีต่างกันเป็น ๒ อย่าง คือนามธรรมกับรูปธรรม รูปธรรมไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลย แม้ว่าจะมองไม่เห็นแต่เป็นลักษณะที่ไม่สามารถจะรู้อะไรได้เลยเรียกว่ารูปธรรม แต่ขณะใดก็ตามที่เห็น เช่นขณะนี้กำลังเห็น เห็นคือรู้สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา สิ่งที่อยู่ด้านหลังไม่ได้ปรากฏ เพราะจิตเห็นไม่ได้เกิดขึ้น แต่ขณะใดก็ตามที่มีอะไรปรากฏทางตา เรียกว่าขณะใดก็ตามที่มีอะไรปรากฏทางตา ขณะนั้นเพราะจิตเห็น ไม่ใช่เราเห็น เป็นธาตุหรือนามธาตุชนิดหนึ่งซึ่งสามารถรู้สิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ทางหูได้ยินเสียงไหม "ได้ยิน" เสียงปรากฏเพราะจิตกำลังได้ยิน เป็นสภาพที่กำลังรู้เสียง คือได้ยินเสียงนั่นเอง ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย โดยนัยเดียวกัน
เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ขุ่นใจไหม ขุ่นใจ ลักษณะที่ขุ่นใจเป็นสภาพที่มีจริง ไม่ใช่จิต แต่เป็นเจตสิก เพราะฉะนั้นจิตจึงเป็นใหญ่เป็นประธานในการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ในการคิดนึก แต่ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย เพราะว่าสภาพธรรมทั้งหลายจะเกิดขึ้นเองตามลำพังไม่ได้เลย ต้องอาศัยสภาพธรรมที่เป็นนามธรรม ถ้าจิตเป็นนามเป็นธาตุรู้ก็ต้องอาศัยธาตุรู้อีกชนิดหนึ่งเกิดร่วมกัน รู้อารมณ์เดียวกัน และก็ดับพร้อมกัน สภาพธรรมนั้นก็คือเจตสิก
ขยันไหม ขยันมีจริงหรือไม่ ขยันก็ไม่ใช่จิต แต่เป็นเจตสิก วันหนึ่งๆ ทุกอย่างที่เราพูดโดยที่ไม่ใช่จิตแล้วจะเป็นเจตสิกทั้งหมด โกรธ ขุ่นใจ ไม่ชอบใจ หรือพอใจ หรือว่าริษยา หรือขยัน ทั้งหมดนี้ก็เป็นนามธรรมซึ่งไม่มีใครมองเห็น แต่ว่าเป็นเจตสิกที่เกิดกับจิต ทำไมบางครั้งขยัน บางครั้งขี้เกียจ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเจตสิกเกิดกับจิตใดก็ดับพร้อมจิตนั้น และจิตขณะต่อไปเกิดก็จะต้องประกอบด้วยเจตสิกซึ่งต้องดับพร้อมกัน
ที่มา ...