อย่าเพิ่งพยากรณ์ปฏิสนธิจิตของตนเอง


    ผู้ฟัง คนที่ประกอบด้วยปัญญาเท่านั้นที่จะบรรลุธรรม เรานั่งฟังธรรมนี่เป็นทวิเหตุ มีปัญญาหรือไม่ ช่วยขยายตรงนี้ด้วย

    ท่านอาจารย์ ก็อย่าเพิ่งพยากรณ์ว่าเราจากโลกก่อนมาสู่โลกนี้เป็นผลของกรรมใด ที่แน่นอนก็คือต้องเป็นผลของกุศลกรรม แต่กุศลกรรมนั้นประกอบด้วยปัญญาหรือไม่ประกอบด้วยปัญญา เราไม่สามารถจะรู้ได้เลย ถึงแม้ปฏิสนธิจิตประกอบด้วยปัญญา เช่นท่านพระเทวทัต ได้ฌาณทำอภิญญาอิทธิปาฏิหาริย์ได้ แต่ขณะนี้ท่านก็เกิดในอเวจีมหานรก เพราะเหตุว่าแม้ปฏิสนธิจิตของท่านถึง ๓ เหตุ มีเหตุเกิดร่วมด้วยทั้ง อโลภะ อโทสะ อโมหะ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรู้ว่าชาติต่อไปจะไปเกิดเป็นอะไร แล้วแต่กรรม

    เพราะฉะนั้น เราไม่ทราบว่ากรรมใดในชาติหนึ่งชาติใดที่ทำให้เราเกิดขณะนี้ และวิบากจิตที่ทำปฏิสนธิกิจของเรามีปัญญาเกิดร่วมด้วยหรือไม่ เพราะถึงแม้จะเป็นคนที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย ไม่บรรลุฌาณ และมรรคผลก็ได้ ใช่ไหม แต่ว่าชาตินี้เรารู้

    ถ้ากรรมที่เรากระทำประกอบด้วยปัญญาให้ผล ปฏิสนธิจิตในชาติต่อไป ก็จะเป็นวิบากจิตที่มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย เราสามารถที่จะเข้าใจอย่างนี้ แต่เราไม่รู้เวลาเกิดว่าเป็นผลของกรรมใด เพราะฉะนั้นจะกล่าวว่าเป็นทวิเหตุกะ มี อโลภเจตสิก อโมหเจตสิกเกิดเป็นส่วนใหญ่ ไม่ประกอบด้วยปัญญา นั่นก็เป็นเรื่องคิดทั่วๆ ไปว่าคนที่สนใจ และก็มีปัญญาจะมีมากหรือมีน้อย เพราะฉะนั้นก็พอจะคิดได้ตามตรงๆ ว่าถ้าชาตินี้เป็นผลของกรรมในอดีต ซึ่งเป็นไปกับปัญญา เวลาที่ให้ผลก็จะทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดพร้อมกับเหตุที่มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วยได้

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 74

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 75


    หมายเลข 7048
    20 ม.ค. 2567