หสิตุปปาทจิต อยู่ในพวก อเหตุก หรือ สเหตุก
ผู้ฟัง หสิตุปปาทจิต อยู่ในจำพวกอเหตุกะ หรือ สเหตุกะ
ท่านอาจารย์ อย่าลืมว่าจำนวนอเหตุกจิตทั้งหมดมีเท่าไหร่ ๑๘ ดวง เป็นวิบากเท่าไหร่ ๑๕ ดวง ใน วิบาก ๑๕ ดวง นี้ เป็นอกุศลวิบากเท่าไหร่ ๗ ดวง และก็เป็นกุศลวิบากเท่าไหร่ ๘ ดวง เพราะฉะนั้นเป็นอกุศลวิบาก ๗ ดวง ไม่ต้องใช้คำว่าอเหตุกะได้ไหม เพราะเหตุว่าสำหรับวิบากที่เป็นอกุศลวิบากจะไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วยเลยทั้งสิ้น ถ้าเป็นอกุศลวิบากจะไม่มีอโลภะ อโทสะ อโมหะ ซึ่งเป็นโสภณเหตุเกิดร่วมด้วยเลย และก็ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ เกิดร่วมด้วย เพราะเหตุว่าโลภะ โทสะ โมหะ และอกุศลเจตสิกทั้งหลายเมื่อเกิดขึ้นขณะใด เป็นชาติเดียวคือเป็นอกุศลเท่านั้น จะเป็นวิบากไม่ได้ นี่คือความต่างกัน ถ้าเกิดความโลภขึ้นมาขณะนั้นไม่ใช่วิบาก ถ้าเกิดความโกรธขึ้นมาขณะนั้นไม่ใช่วิบาก เพราะฉะนั้นสำหรับอเหตุกะ ๑๘ ดวง เป็นวิบาก ๑๕ ดวง ในวิบาก ๑๕ ดวง เป็นอกุศลวิบาก ๗ ดวง
แต่เมื่อกล่าวถึงกุศลวิบาก เราใช้คำว่า อเหตุกวิบาก เพราะเหตุใด เพราะเหตุว่า กุศลที่ให้ผลเป็นสเหตุกวิบากก็มี นี่เป็นความละเอียดของการที่แม้จะใช้คำ ถ้าเราใช้คำเราก็จะรู้ได้ว่าอกุศลวิบากไม่จำเป็นต้องใช้คำว่าอเหตุกะก็ได้ แต่จะใช้ก็ได้ เพื่อให้เข้าใจเพื่อให้ไม่ลืมว่าสำหรับอกุศลวิบากไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วยเลยจึงเป็นอเหตุกะ แต่ถึงไม่ใช้ก็มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นว่าถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมแล้วจะมีเหตุเกิดร่วมด้วยไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นชื่อว่าอกุศลวิบากเมื่อใดจะไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วยเลยเป็นอเหตุกะ สำหรับอเหตุกวิบากมี ๘ ดวง ที่เหลือเป็นสเหตุกวิบาก นี่คือวิบาก ๑๕ ดวง ที่เป็นอเหตุกะ
สำหรับกิริยาที่เป็นอเหตุกะมี ๓ ดวง แสดงว่ากิริยาอื่นนอกจากนี้ทั้งหมดเป็นสเหตุกะต้องประกอบด้วยเหตุ แต่กิริยาที่ไม่ประกอบด้วยเหตุต้องมีเพียง ๓ เท่านั้น คือ ปัญจทวาราวัชชนจิต ๑ เป็นวิถีจิตแรกทางปัญจทวาร มโนทวาราวัชชนจิต ๑ เป็นวิถีจิตแรกทางมโนทวาร และหสิตุปปาทะ เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินคำว่า “หสิตุปปาทะ” ต้องทราบทันทีว่าเป็นอเหตุกจิต โดยประเภทเป็นอเหตุกจิต แสดงว่าจิตของพระอรหันต์ที่ทำให้เกิดการแย้มหรือการยิ้มมีทั้งที่เป็นสเหตุกะ และอเหตุกะ ในขณะที่คนที่ไม่ใช่พระอรหันต์ยิ้มไม่มีทางที่จะเป็นอเหตุกะเลย ยิ้มเมื่อใดต้องเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด คือ กุศล หรือ อกุศล ที่ทำให้เกิดการแย้มยิ้มขึ้น นี่คือความต่างกัน เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมต้องจำถึงเหตุผลประกอบกับจำนวนให้แม่นยำ และก็ไม่หลงลืมด้วย เพราะว่าเมื่อกล่าวถึงกิจเราอาจจะเข้าใจไปว่าจิตที่ทำชวนกิจต้องเป็นสเหตุกะ แต่ต้องไม่ลืมว่ามีอเหตุกะ ๑ ของพระอรหันต์ที่ทำชวนกิจได้
ที่มา ...