สหชาตปัจจัย กับ ปัจจยุบบัน
ท่านอาจารย์ เท่าที่ให้ทราบก็คือได้ยินชื่อแล้วก็ต้องทราบว่าได้แก่สภาพธรรมอะไร และความหมายของปัจจัยนั้นคืออะไร และก็อาจจะไปคิดเองก็ได้ อย่างสหชาตปัจจัยต้องมีปัจจยุบบันไหม ที่เราใช้คำว่าปัจจัย ต้องมี เพราะฉะนั้นปัจจัยนี้ก็คือเป็นสหชาตปัจจัยต้องเกิดพร้อมกันกับปัจจยุบบัน ปัจจัยกับปัจจยุบบันเกิดพร้อมกันจึงเป็นสหชาตะ แล้วก็ชีวิตประจำวันเราก็มีสภาพธรรมทั้งที่เป็นจิต เจตสิก รูป ถ้าเราได้ฟังธรรมเรื่องอะไร เราก็อาจจะไตร่ตรองพิจารณาหรือเกิดคิดของเราเองขึ้นก็ได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะคิดหรือไม่อยากจะคิดหรือว่าเรื่องนี้ยากไปอย่าเพิ่งคิดเลยดีกว่า แต่จริงๆ แล้วคิดได้ แล้วก็อาจจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น เช่น เสียงเป็นชีวิตประจำวันจริงๆ ได้ยินเสียงบ่อยๆ เสียงมีปัจจัยเกิดหรือไม่ ต้องมี สิ่งใดก็ตามที่เกิด สิ่งนั้นต้องมีปัจจัย แล้วเวลาที่เสียงเกิดเฉพาะเสียงที่ปรากฏมีอะไรเป็นปัจจัย ไม่ได้กล่าวถึงว่ามีสมุฏฐานอะไร จากกรรม จากจิต จากอะไรพวกนี้ไม่พูดถึงเลย เพราะจริงๆ แล้วเสียงเกิดจากกรรมก็ไม่ได้ แต่ยังไม่พูดถึงสมุฏฐาน เพียงแต่จะกล่าวให้คิดว่าแล้วเสียงที่กำลังได้ยินขณะนี้เกิดแล้วต้องมีปัจจัย อะไรเป็นปัจจัยให้เสียงนี้เกิดขึ้น เสียงเกิดแล้วปรากฏเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง มีจริงๆ และเสียงนี้ เฉพาะเสียงมีอะไรเป็นปัจจัย มีมหาภูตรูป ๔ เป็นปัจจัย เห็นไหมเราเพิ่งกล่าวถึงเมื่อครู่นี้เอง แล้วก็โดยสหชาตปัจจัยด้วย คือแยกออกจากมหาภูตรูปไม่ได้เลย มหาภูตรูปเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทายรูป รูปทั้งหมดมี ๒๘ มหาภูตรูปมี ๔ เพราะฉะนั้นอีก ๒๔ รูปอาศัยเกิดกับมหาภูตรูป ๔ แต่อุปาทยรูปไม่ได้เป็นปัจจัยให้มหาภูตรูปเกิด เราก็ต้องรู้ว่าเวลากล่าวถึงปัจจัยก็ต้องละเอียดว่าเสียงก็ดี กลิ่นก็ดีเกิดขึ้นโดยอาศัยมหาภูตรูปเป็นสหชาตปัจจัย แยกกันเกิดไม่ได้ต้องเกิดพร้อมกับที่มหาภูตรูปเกิด แต่อุปาทายรูปไม่ได้เป็นปัจจัยให้มหาภูตรูปเกิด แต่สำหรับมหาภูตรูปมี ๔ แต่ละหนึ่งก็อาศัยเป็นสหชาตปัจจัย และปัจจยุบบันเพราะว่าปราศจากกันไม่ได้ นี่ก็คือนิดๆ หน่อยๆ ในชีวิตประจำวัน จะคิด จะจำ จะกลับไปบ้านคิดอีก ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ เสียงมีอะไรเป็นปัจจัย กลิ่นมีอะไรเป็นปัจจัยก็ย่อมได้
ที่มา ...