ผู้ที่จะเรียนเรื่องปัจจัย


    ผู้ฟัง ผู้ที่เรียนเรื่องปัจจัย จำเป็นไหมที่จะต้องรู้เรื่องราวของจิต และเจตสิกก่อน พิจารณา และก็เข้าใจก่อนว่ามีจิต และเจตสิกจริง ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ถึงจะรู้เรื่องปัจจัย

    ท่านอาจารย์ ก็ถูกต้อง เพราะทุกอย่างต้องตามลำดับ ถ้าไม่รู้เรื่องจิต จะรู้ไหมว่าจิตเป็นปัจจัยอะไรบ้าง เป็นสหชาตปัจจัย เป็นสัมปยุตตปัจจัย อนันตรปัจจัย สมนันตรปัจจัย ถ้าไม่เรียนรู้ ไม่เข้าใจเรื่องจิตก็จะเข้าใจเรื่องปัจจัยไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้ตามลำดับ จิต เจตสิก รูป

    ผู้ฟัง ข้อนี้เป็นลำดับ เพราะฉะนั้นเราเรียนปัจจัยยังไม่ได้

    ท่านอาจารย์ ถ้าเรายังไม่รู้จักจิต แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจิตเป็นสัมปยุตตปัจจัย เป็นสหชาตปัจจัย เป็นอนันตรปัจจัย เป็นสมนันตรปัจจัย

    ผู้ฟัง ก็คือว่าเราต้องเรียนจิตกับเจตสิกก่อน

    ท่านอาจารย์ แน่นอน ไม่พ้นจากจิต เจตสิก รูป

    ผู้ฟัง ขณะนี้เราเรียนเรื่องจิตกับเจตสิก แต่ว่าเราก็ยังไม่เข้าใจเรื่องจิต และเจตสิกมากนัก จนกระทั่งได้รู้ว่านี่คือจิต เจตสิก ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล แล้วเราก็ฟังเรื่องปัจจัย คงไม่ผิด

    ท่านอาจารย์ ถ้าเราเรียนเรื่องจิตก็หมายความว่าเรารู้ว่าจิตมีขณะนี้ด้วย แล้วก็จิตไม่ใช่รูปธรรมเพราะเหตุว่าจิตเป็นสภาพรู้ นี่เราเรียนมาแล้ว ฟังมาแล้วมากทีเดียว ทั้งทางวิทยุด้วย ที่นี่ด้วย ฉะนั้นถ้าเราจะกล่าวว่าจิตเกิดไม่ได้ถ้าไม่มีปัจจัย เจตสิกหรือสภาพธรรมใดๆ ก็ตามที่เกิดจะเกิดไม่ได้เลยถ้าไม่มีปัจจัย เราพูดคำนี้ไว้แล้วคือปัจจัย เพราะฉะนั้นเราก็ควรที่จะรู้ว่าจิตเป็นปัจจัยอะไร เจตสิกเป็นปัจจัยอะไร เพราะเราใช้คำว่าจิต เจตสิก และรูป สภาพธรรมใดๆ ที่เกิดขึ้นต้องอาศัยเหตุปัจจัย พูดลอยๆ ไว้ก็ไม่สมควร เพราะฉะนั้นเมื่อสามารถเข้าใจความเป็นปัจจัยของจิต และเจตสิกได้ในเบื้องต้นพอสมควร ไม่ใช่โดยตลอดเลย ที่กล่าวเป็นแต่เพียงสังเขปนิดหน่อยพอที่จะให้เข้าใจว่าเป็นปัจจัยอะไรบ้างสำหรับจิต เจตสิก รูป

    ผู้ฟัง ถ้าอย่างนั้นผมเข้าใจแล้ว บางครั้งก็กลัวอย่าเพิ่งเรียนเรื่องปัจจัยเลยเพราะเป็นเรื่องยาก และต้องตามลำดับขั้นตอน เพราะฉะนั้นวันนี้ที่ได้ฟังก็ค่อนข้างที่จะสบายใจขึ้นว่าไม่เป็นไร ไม่ว่าจะเรียนเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ก็ทำความเข้าใจต่อไปเรื่อยๆ

    ท่านอาจารย์ เช่น เราบอกว่าจิต และเจตสิกเกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกัน นี่เรารู้ใช่ไหม เรียนแล้ว เราก็เพิ่มชื่อเข้าไปเท่านั้นเองว่าเพราะเป็นสัมปยุตตปัจจัย ไม่ต้องไปรอแล้วจะไม่เรียนเรื่องปัจจัย ก็รู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าชื่ออะไรในภาษาบาลี สหชาตปัจจัยต้องเกิดพร้อมกันด้วย ก็ให้รู้ความเป็นปัจจัยนี้เลยตั้งแต่ต้นว่าสภาพธรรมใดก็ตามที่เกิดพร้อมกัน สภาพธรรมหนึ่งเป็นปัจจัย และสภาพธรรมอื่นที่เกิดก็เป็นปัจจยุบบัน แต่ต้องเกิดพร้อมกัน เข้าใจในความเป็นอนัตตาจริงๆ เพราะว่าแม้จิตหนึ่งขณะก็มีปัจจัยหลายอย่าง แล้วใครก็ทำไม่ได้ด้วย บันดาลไม่ได้ นอกจากปัจจัยนั้นๆ นั่นเอง

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 111


    หมายเลข 7859
    22 ม.ค. 2567