วิปากปัจจัยได้แก่ปรมัตถธรรมอะไร
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น เรื่องของปัญญาก็เป็นเรื่องที่จะต้องค่อยๆ เกิด ค่อยๆ อบรมจนกระทั่งคมกล้าขึ้น แต่ต้องเป็นความละเอียดด้วย ขอถามว่า วิปากปัจจัยได้แก่ปรมัตถธรรมอะไร หรือว่าปรมัตถธรรมอะไรเป็นวิปากปัจจัย เราบอกว่าปฏิสนธิจิตเป็นวิบาก เป็นผลของกรรม แล้วก็ขณะที่จิตเกิดขึ้นก็ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย และเราก็ได้ยินคำว่า “วิบาก” เพราะฉะนั้นลองคิดเองสักนิดหนึ่งว่า วิปากปัจจัยอะไรเป็นวิบาก หรือว่าเป็นวิปากปัจจัย ถ้าเอ่ยคำว่าปัจจัยต้องมี มิฉะนั้นแล้วปฏิสนธิจิตเกิดไม่ได้ ปัจจัยหนึ่งก็คือวิปากปัจจัยเพราะปฏิสนธิจิตเป็นวิบากจิต และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยก็เป็นวิบากด้วย แล้วก็เป็นผลของกรรม ต้องมีกัมมปัจจัย แล้วก็วิบากก็เป็นปัจจยุบบัน เพราะฉะนั้นสำหรับปรมัตถธรรม อะไรเป็นวิปากปัจจัย วิบากเรากล่าวแล้วว่าเป็นผลของกรรม เพราะฉะนั้นกรรมเป็นปัจจัย วิบากเป็นปัจจยุบบัน กรรมเป็นปัจจัยให้เกิดวิบาก เพราะฉะนั้นกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดวิบากคือปัจจยุบบัน กรรมเป็นกัมมปัจจัยทำให้เกิดจิต เจตสิก ซึ่งเป็นวิบาก โดยมากฟังไม่ลำบาก แต่ตอบนี่ต้องคิด แล้วก็จะรู้ได้ว่าเราเข้าใจแค่ไหนจากสิ่งที่เราได้ฟังแล้ว เพราะจริงๆ แล้วก็จะมีการหลงลืมได้เพราะอวิชชามีมาก กำลังเข้าใจอยู่นิดเดียว พออกุศลจิตเกิด ก็ไม่รู้อีกแล้ว เพราะว่าอกุศลไม่สามารถจะรู้ได้ เพราะฉะนั้นคำถามว่าปรมัตถธรรมอะไรเป็นวิบากหรือว่าเป็นวิปากปัจจัย
ผู้ฟัง จิตเป็นวิบาก และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยเป็นวิบาก
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นวิบากซึ่งเกิดร่วมกันต้องอาศัยกัน และกันใช่ไหม ต่างก็เป็นวิปากปัจจัย จิตที่เป็นวิบากนั่นเอง เป็นปัจจัยให้เจตสิกที่เป็นวิบากเกิดด้วย และเจตสิกที่เป็นวิบากก็เป็นปัจจัยให้จิตที่เป็นวิบากเกิดร่วมกัน เพราะฉะนั้นจิตก็เป็นวิปากปัจจัยให้วิบากเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย แล้วเจตสิกก็เป็นวิปากปัจจัยให้เฉพาะวิบากจิตที่เกิดร่วมด้วย จะเที่ยวไปเป็นวิปากปัจจัยให้ขณะอื่นไม่ได้เลย ต้องให้แก่สภาพธรรมที่เกิดร่วมกันนั่นเอง อย่างนี้ก็คงไม่ลืมวิปากปัจจัย หนึ่งปัจจัยแล้ว
ที่มา ...