สภาพธรรมจะรู้เมื่อสติสัมปชัญญะเกิด
ผู้ฟัง สิ่งนี้ก็จำเป็นด้วย ในขณะที่เรายังไม่เป็นพระโสดาบัน ทิฏฐานุสัยยังนอนเนื่องอยู่ เพราะฉะนั้นยังมีทางที่จะไปเป็นความเห็นผิดได้ สุดท้ายคือสักกายทิฏฐิ แต่ว่าเขาไม่ได้เกิดในขณะจิตนั้น ขณะจิตที่รีบทำงานคือโลภะ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเราทำด้วยความติดข้องเนื่องจากมีทิฏฐานุสัยเป็นพื้นอยู่
ท่านอาจารย์ เวลากล่าวถึงอนุสัยกิเลส ผู้ที่ไม่มีก็คือพระอริยบุคคล และดับอนุสัยกิเลสไปตามลำดับขั้น แต่อนุสัยกิเลสในขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิดก็มี แต่ตัวทิฏฐิเจตสิกไม่ได้เกิดขึ้นทำกิจการงานของทิฏฐิเจตสิก เพราะฉะนั้นก็จะรู้ได้แม้ขณะที่เป็นกุศล กำลังฟัง ก็ยังไม่ได้ดับอนุสัยกิเลสจนกว่าจะถึงความเป็นพระอริยบุคคล แต่ว่าการฟังอย่าคิดว่าไร้ผล ฟังแล้วก็มีความเข้าใจขึ้น แล้วความคิดของเราที่แต่ก่อนเคยคิดเรื่องวงศาขณาญาติ เรื่องไปเที่ยว เรื่องการงาน ก็จะมีปัจจัยทำให้คิดธรรมขึ้น เมื่อไรก็ได้โดยที่ไม่ได้ต้องเตรียมตัวมาก่อนเลย ก็อาจจะคิดเรื่องของธรรมแล้วก็จะค่อยๆ ปรุงแต่งจนกระทั่งฟังไปก็จะรู้ว่าขณะนี้สติสัมปชัญญะก็คือปกติธรรมดา แต่กำลังรู้ตรงลักษณะหนึ่งลักษณะใดของสภาพธรรม ไม่มีการตื่นเต้นหวั่นไหวหรือคิดว่าเกิดแล้ว หรือไม่เกิด หรืออะไร
ที่มา ...