ไม่มีใครรู้ว่ากรรมจะมาในรูปไหน


    ผู้ฟัง สมมติเราขับรถไปต่างจังหวัดแล้วมีศาลใหญ่ โดยปกติเขาจะให้บีบแตรเพื่อทำความเคารพ การที่เราส่งสัญญาณออกไปเพื่อเป็นการเตือนสติอย่างหนึ่งอย่างที่สองก็เป็นความกลัวก็อย่างหนึ่ง เพื่อให้ปลอดภัยในการเดินทาง ช่วยในการคุ้มครอง ซึ่งจริงๆ ไม่ได้คุ้มครองอะไร

    ท่านอาจารย์ แต่ถ้าเราทราบว่าไม่ใช่มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่อยู่ใกล้ชิดกัน ใกล้ๆ ก็มีทั้งเปรต มีทั้งอสูรกายด้วย เพราะฉะนั้นคนละมิติที่เรามองไม่เห็นจริง แต่ว่าถ้าเราจะไหว้เราต้องมีเหตุผล ไหว้อุทิศส่วนกุศล หรือว่าไหว้อะไร ถ้าเรารู้ และคิดว่าไม่ได้มีแต่มนุษย์เท่านั้น เทพก็มี และพวกอมนุษย์ก็มี แต่ว่าไม่ได้ไปลบหลู่ก็คือว่าไม่ได้ไปก้าวร้าว ไม่ได้ไปแสดงกิริยาอะไร แต่ว่าจะเคารพ หรือไม่ถ้าขณะนั้นเราคิดถึงอมนุษย์ในที่ๆ เรามองไม่เห็นแล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้ด้วยจิตที่เมตตา ไม่ใช่เรากลัว เราไม่ได้ทำผิดอะไร ทุกอย่างที่จะเกิดก็ต้องเป็นไปตามกรรม ถึงกาลที่กรรมจะให้ผล จะบีบแตร หรือจะยกมือไหว้ต้นไม้อะไรก็ตามแต่ กรรมก็สามารถที่จะให้ผลอย่างวิจิตรมาก ไม่มีใครสามารถที่จะคิดได้ว่ากรรมจะมาในรูปไหน สำหรับแต่ละคน แม้แต่ในขณะที่จะสิ้นชีวิต หรือไม่สิ้นชีวิต เพราะฉะนั้นก็คือว่าจะไม่ลบหลู่จริงๆ ก็คือว่าเราไม่ได้แสดงกิริยาอาการลบหลู่พวกอมนุษย์ แต่ว่าในขณะเดียวกันถ้าจะมีกิริยาที่นอบน้อมก็คืออุทิศส่วนกุศลให้ แต่ว่าไม่ต้องเป็นการเกรงกลัวกรรม หรือว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นโดยบุคคลอื่น ถ้าเป็นผู้ที่มั่นคงในเรื่องกรรม และผลของกรรม ไปไหนก็สบายใจ แล้วเวลาที่เราเป็นผู้ที่มั่นคงในกรรม และผลของกรรมซึ่งเป็นความเห็นถูก ก็จะทำให้กุศลจิตเจริญขึ้นด้วย เพราะเป็นผู้ที่เชื่อเรื่องกรรมดีให้ผลดีกรรมชั่วก็ให้ผลชั่ว แล้วเวลาที่ผลของกรรมเกิดขึ้น ก็ย่อมมาจากกรรมที่ได้กระทำแล้วของตนเอง ไม่ใช่ของบุคคลอื่นที่สามารถจะกระทำได้ และความเชื่อนี้ไม่ใช่ความเชื่อลอยๆ เพราะเหตุว่าลักษณะของกรรม และลักษณะของผลของกรรมก็เป็นจริง มีจริงในชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้นไม่ใช่เพียงแต่บอกให้เชื่อ แต่รู้ว่าขณะนี้เป็นผลของกรรม อุปัตติเหตุมีการกระทบกันทำให้เกิดขึ้นเห็นซึ่งเลือกไม่ได้เลย แต่เห็นแล้วเป็นกุศล หรือเป็นอกุศล ผู้ที่มีความมั่นคงในเรื่องของกรรม ในผลของกรรม โดยที่ขณะนั้นสามารถจะรู้ลักษณะของจิตซึ่งต่างกัน ที่เป็นวิบากเกิดขึ้นเพราะอุปัตติที่เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วมีจักขุปสาท มีรูปที่เกิดขึ้นกระทบกันยังไม่ดับก็เป็นปัจจัยให้วิบากจิตเกิด แต่หลังจากนั้นผู้นั้นก็จะรู้ได้ว่าเป็นกุศล หรือเป็นอกุศล เมื่อมีความเชื่อมั่นคงอย่างนี้ กุศลก็ย่อมเจริญขึ้นด้วย

    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 127


    หมายเลข 9135
    26 ม.ค. 2567