อกุศลเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
ผู้ฟัง จะให้ท่านอาจารย์อธิบายใช้คำว่า “โยนิโสมนสิการ” คือปัญญาที่เห็นถูกในทางถูก ถ้าอโยนิโสมนสิการก็จะเป็นในทางที่ผิดแต่ท่านได้แสดงตรงนี้ไว้จึงอยากจะมาสนทนาตรงนี้อีก
ท่านอาจารย์ ขณะนี้กำลังนั่งอยู่ที่นี่ก็มีทั้งจิต และก็เจตสิก ก็อย่างที่คุณสุรีย์กล่าวถึงก็คือมนสิการเจตสิกต้องเกิดกับจิตทุกขณะ หมายความว่าเมื่อมีอารมณ์คือสิ่งที่ปรากฏแล้ว หลังจากจิตเห็น และวิบากจิตดับไปแล้วก็จะเป็นกุศลจิต และอกุศลจิตซึ่งเราเลือกไม่ได้ บังคับไม่ได้ เป็นอนัตตา ตามการสะสม แต่มีความเข้าใจว่าขณะใดที่เป็นอกุศล ขณะนั้นคืออโยนิโสมนสิการ เพราะว่ามนสิการเป็นสัพพจิตตสาธารณเจตสิก และขณะใดที่เป็นอกุศลเจตสิกนั้น ก็ทำหน้าที่ใส่ใจในอารมณ์โดยความไม่แยบคาย โดยความไม่ถูกต้องตามคลองของธรรมจึงเป็นอกุศล เพราะฉะนั้นเรากล่าวถึงสภาพธรรม ขณะนี้เหมือนอยู่ในความมืดคือไม่ปรากฏเลย แม้แต่มนสิการเจตสิกซึ่งเกิดดับทุกขณะ เกิดกับจิตทุกประเภทก็ไม่ได้ปรากฏ แม้แต่ขณะที่เป็นอกุศลจิต จะรู้ตัวไหมว่าขณะนั้นเป็นอกุศลๆ ย่อมไม่สามารถที่จะเห็นถูกต้องว่าขณะนั้นเป็นอกุศล ขณะนั้นจึงเป็นอกุศล ถ้าขณะนั้นเป็นความเห็นที่ถูกต้อง ก็ไม่ใช่อกุศลเพราะเหตุว่าเป็นความเห็นถูก เพราะฉะนั้นการฟังพระธรรมเพื่อให้มีความเข้าใจธรรม ไม่ใช่ว่าเราจะมีตัวตนที่จะไปเปลี่ยนแปลงหรือไปตั้งใจ หรือไปพยายาม แต่เมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมทั้งหมด ก็จะทำให้เรารู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่เรา แต่โดยมากอกุศลจิตเกิดเราไม่ชอบ เพราะฉะนั้นก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ และก็อาจจะพยายามที่จะให้เป็นกุศลด้วยความเป็นเรา แต่ธรรมเป็นเรื่องจริงจากการทรงตรัสรู้เป็นการฝืนกระแสของโลภะเราไม่ค่อยรู้ว่าเรามีโลภะเป็นนายหรือว่าเป็นอาจารย์หรือเป็นลูกศิษย์มานานแสนนานตลอดเวลา แต่ถ้ามีความเข้าใจว่าพ้นยากเหลือเกิน เรื่องของโลภะต้องอาศัยปัญญาคือความเห็นถูก ความเข้าใจถูกทีละเล็กทีละน้อยเพราะว่าเราสะสมความไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรม และความติดข้องในลักษณะของสภาพธรรมวันหนึ่งไม่ทราบว่าเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นชาติหนึ่งก็ประมาณไม่ได้เลย แต่ว่าการฟังพระธรรมต้องเป็นผู้ที่ละเอียดที่จะรู้จักโลภะ และก็รู้ว่าทั้งหมดเป็นไปเพื่อละโลภะด้วยความเข้าใจธรรมขึ้น เพราะฉะนั้นความเข้าใจธรรมจะมากจะน้อยสักเท่าไหร่ ก็เป็นตามความเป็นจริงที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นค่อยๆ เจริญขึ้น แม้แต่โยนิโสมนสิการขณะใดที่เป็นกุศล ขณะนั้นก็เพราะเป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นปรุงแต่งเป็นกุศล ขณะใดที่เป็นอกุศล ขณะนั้นก็เป็นสภาพธรรมที่เกิดขึ้นปรุงแต่งเป็นอกุศล ก็จะคลายความยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เพราะฉะนั้นก็เป็นความเข้าใจของเราจริงๆ เป็นความมั่นคงที่จะรู้ว่าธรรมเป็นธรรม แล้วก็ฟังความละเอียดเพื่อที่จะได้เห็นธรรมละเอียดขึ้น
ที่มา ...