สติปัฏฐานเป็นเรื่องของการปรุงแต่ง
ความคิดเป็นสิ่งที่เมื่อเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ผู้นั้นก็จะรู้ว่าตามการสะสม ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม เราจะมีความคิดต่างๆ เกิดขึ้น อย่างท่านผู้หนึ่งก็มาขอโทษ บอกว่าขอโทษที่ท่านคิดไม่ดีด้วย ดิฉันก็ไม่ทราบว่าคิดไม่ดีคิดอะไรแต่ก็ไม่ได้สนใจ ก็บอกว่าไม่เป็นไรหรอกความคิดมันก็คือความคิด มันจะคิดยังไงก็คือว่าเกิดแล้ว คิดแล้ว หมดไปแล้วทั้งนั้น ใช่ไหม เพราะฉะนั้นก็เป็นแต่เพียงชั่วขณะที่คิดเท่านั้นเอง ถ้าเรามีความเข้าใจในสภาพธรรมจริงๆ เราก็จะไม่เป็นช่างคิดที่คิดนอกเรื่อง หรือว่าคิดนอกแนว หรือคิดในทางที่ไม่ถูกต้อง แต่ว่ากว่าทุกคนจะมีความคิดถูกได้ ก็เป็นเรื่องที่ยาก เพราะเหตุว่าวันหนึ่งๆ ถ้าจะดูความคิดของเราตั้งแต่เช้ามา เราคิดเรื่องอะไรบ้าง เรื่องน่าคิดหรือว่าเรื่องไม่น่าคิด เรื่องควรคิดหรือเรื่องไม่ควรคิด เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า พระธรรมที่ทรงแสดงไว้โดยประการทั้งปวงอย่างละเอียด เพราะว่าทรงตรัสรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงให้เป็นผู้ที่ไม่ประมาท และความคิดของเราเองไม่มีทางที่จะเจริญในทางที่ถูกได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงแม้ว่าได้ฟังแล้ว ยังต้องเป็นผู้ที่ละเอียด รอบคอบ ที่จะรู้ว่ามีความเข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ได้พิจารณา ถูกต้องจริงๆ หรือเปล่า หรือว่ายังมีสิ่งใดที่ยังไม่สมบูรณ์ ยังรู้สึกว่ายังไม่ถูกต้องทีเดียว ก็จะได้พิจารณาให้ถูกต้อง มิฉะนั้นก็จะเป็นความคลาดเคลื่อนไป
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า กว่าความคิดจะเป็นความคิดที่ถูก แล้วก็เป็นสัมมาสังกัปปะที่เกิดร่วมกับสติปัฏฐานในขณะที่กำลังระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ก็เป็นเรื่องของการปรุงแต่ง นี่แสดงโดยกว้างมากทั่วไป ว่าความเห็นผิดจะเกิดขึ้นได้อย่างไร และความเห็นถูกจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
ที่มา ...