ขั้นคิด ขั้นประจักษ์แจ้ง


    ผู้ฟัง ตามคำบรรยาย ทุกอย่างก็เป็นเรา เวลากุศลเกิดก็ไม่รู้ อกุศลก็ไม่รู้ แต่ทุกครั้งที่เราเดินทางไปบูชาพระธาตุหรืออะไรต่างๆ เหมือนกับทีคนบอกว่า“แหม มีแต่ปิตินะ” เพลิดเพลิน ได้นั่งรถอะไรอย่างนี้ ในขณะนั้นก็ต้องไม่ใช่กุศลจิตแล้วก็มันติดข้องไปแล้วใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ แต่เรื่องจิตเป็นเรื่องที่ละเอียด ขณะที่เป็นกุศลไม่ใช่อกุศล เพราะฉะนั้นกุศลจิตเกิดได้ และก็ดับไป และอกุศลจิตก็เกิด และก็ดับไป เพราะฉะนั้นพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้ทรงตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรม พระธรรมที่ทรงแสดงทั้งหมดเพื่ออนุเคราะห์ให้ผู้ที่ได้ฟังมีความเข้าใจถูก มีความเห็นถูกจนกว่าจะประจักษ์ความจริงอย่างที่ได้ทรงตรัสรู้ เพราะฉะนั้นเวลานี้เราฟัง เราพิจารณาได้เป็นอนัตตา เป็นธรรมไม่ใช่เรา นั่นคือขั้นคิดจากการฟัง แต่จะต้องถึงขั้นประจักษ์แจ้งด้วย เพราะฉะนั้นขณะที่ฟังก็ทราบว่ากุศลจิตก็เป็นจิตไม่ใช่เรา อกุศลจิตก็มีปัจจัยเกิดขึ้นเป็นอกุศลแล้วก็ดับไปไม่ใช่เรา แต่ว่ายังไม่ได้ประจักษ์ในลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม เพราะฉะนั้นความสงสัยในลักษณะของสภาพธรรมก็ยังคงมี ยังไม่ได้ดับหมดเลย ถ้าไม่รู้ เราก็คิดว่าเรารู้แล้ว แต่ความจริงขณะนี้ ถ้าจะเกิดความติดข้องขึ้น ขณะนั้นเพียงคิดถึงลักษณะที่ปรากฏสืบต่อ แต่ว่าความจริงก็เกิดดับทุกขณะ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าแม้สิ่งที่ปรากฏ การประจักษ์แจ้งต้องประจักษ์แจ้งจนถึงที่สุดจริงๆ จึงจะสละความเป็นเราได้ หรือความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 134


    หมายเลข 9202
    28 ส.ค. 2567