โลกของความทรงจำ
ผู้ฟัง ในชีวิตประจำวันจริงๆ จากการศึกษาพระธรรม ขณะที่เรามีความต้องการ หรือว่าเรารู้สึกตัวว่าเราพึงพอใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราก็มักจะบอกกับตัวเองว่า เป็นโลภะ แล้วเราก็เข้าใจผิดว่าสิ่งนี้คือการที่เราศึกษาพระธรรมมา แล้วเราก็ระลึกถึงสิ่งที่เกิดในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อวานท่านอาจารย์บอกว่า สภาพธรรม ไม่มีชื่อ
ท่านอาจารย์ คุณสุกัญญาบอกว่าเวลาที่ติดข้อง ก็บอกว่า " บอก " ใช่ไหม คือ " นึก " ถูกต้องไหม
ผู้ฟัง นึกแล้วก็พูดออกมาด้วย
ท่านอาจารย์ พูดด้วย พูดกับใคร
ผู้ฟัง โลภะเกิด บางทีก็พูดกับตัวเอง หรือว่าถ้ามีเพื่อนหรือสหายธรรมก็อาจจะบอก วันนี้โลภะเยอะมากตั้งแต่เช้าแล้ว
ท่านอาจารย์ แล้วขณะที่เห็น ต้องบอกไหมว่าเห็น เมื่อกี้นี้บอกว่าโลภะ บอกใครๆ ว่าเป็นโลภะ บอกตัวเองบางทีก็บอกว่าเป็นโลภะ แล้วกำลังเห็นนี่เคยบอกไหมว่า เป็นจิต
ผู้ฟัง ไม่ได้บอก
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น มีชื่อไหม เห็น
ผู้ฟัง แต่เราก็คิด เพราะว่าขณะที่เราเห็น เรามองออกไป เราก็คิดว่าอันนี้คือดอกไม้ แล้วก็กล้วยไม้
ท่านอาจารย์ แต่ไม่ใช่เห็น เพราะฉะนั้นเห็นมีชื่อหรือเปล่า " โลภะ " ถ้าคุณสุกัญญาไม่เรียกชื่อ โลภะก็เป็นโลภะ เกิดแล้วทำหน้าที่ของโลภะ ถ้าเป็นชาวต่างประเทศใช้คำอื่น แต่โลภะอาจจะยังใช้เพราะเหตุว่า เป็นภาษาที่สากลสำหรับพุทธศาสนา
ผู้ฟัง คือจากการศึกษาพระธรรม เมื่อก่อน เมื่อเรามีความต้องการหรือมีอะไรก็ไม่ใช่เปล่งวาจาหรือไม่ได้คุยกันว่าวันนี้เรามีโลภะ อันนี้คือการจากการศึกษาพระธรรมที่ผ่านมา ทำให้เราสามารถที่จะระลึกได้ว่าในวันหนึ่งๆ เรามีสิ่งนี้เกิดขึ้น จากการศึกษา เรารู้ว่าสิ่งนี้คือสภาพจิตที่เป็นโลภะ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจคำที่ว่า “ สภาพธรรมไม่มีชื่อ ” แต่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติคำให้เข้าใจว่าหมายความถึงสภาพธรรมอะไร เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีชื่อที่จะเรียก ที่จะบอก แม้ว่ากำลังเห็น ก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่ากำลังหมายความถึงเห็น หรือหมายความถึงคิด หรือหมายความถึงสิ่งที่ปรากฏทางตา เพราะฉะนั้นจึงต้องมีคำ สำหรับให้รู้ว่า มุ่งหมายถึงสภาพธรรมอะไร เช่นถ้าพูดว่า" เห็น "จะไม่คิดถึงสิ่งที่ปรากฏทางตา และถ้าพูดว่า" ได้ยิน " ก็จะไม่คิดถึงเห็น นี่คือการจำเป็นที่จะต้องใช้คำที่จะทำให้รู้ว่าสภาพธรรมนั้นๆ มีลักษณะอย่างไร สภาพธรรมที่เกิดแล้วมีลักษณะเฉพาะอย่าง เกิดแล้วดับไปเลย ให้เห็นความรวดเร็วว่าเราอยู่ในโลกของอะไร ของความทรงจำในสิ่งที่เกิดดับ จนกระทั่งสัญญาจำ รูปร่าง เรื่องราว เสียงต่างๆ แล้วก็เข้าใจว่าสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมีจริง เป็นจริง แต่สิ่งที่มีจริงคือ ถ้าจิตไม่เกิด คิด ไม่เห็น ไม่ได้ยิน สิ่งต่างๆ ก็ไม่มีที่จะทำให้ปรากฏเป็นสัตว์ เป็นบุคคลต่างๆ ได้
ที่มา ...