ต้องอดทนเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงตามลำดับ
พระธรรมทั้งหมดเพื่อละ แต่ว่าถ้ามีความคิดที่จะต้องการเมื่อไหร่ แสดงว่าลืมแล้วว่าไม่มีเรา แต่ว่าสิ่งนี้เกิดแล้วต่างหาก จะหนีพ้นไปจากสิ่งที่กำลังปรากฏ ก็ด้วยการคิดนึกเป็นเรื่องเป็นราวต่างๆ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่พ้น หมายความว่าถ้าไม่มี สภาพธรรมแล้ว อะไรๆ ก็ไม่มี แต่ว่าเมื่อมีแล้วก็ไม่รู้ต่างหาก เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นความ ต่างกันที่แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เข้าใจธรรมจริงๆ ไม่ใช่ว่าเราจะมีความตั้งใจจะเป็นพระ โสดาบันชาตินี้ หรือว่าจะให้สติปัฏฐานเกิดมากๆ เพราะว่านั่นคือโลภะซึ่งไม่เคยรู้เลย คิดว่าดีแต่เป็นวัญจกธรรม ธรรมที่หลอกลวงทำให้หลงเข้าใจผิดว่าขณะนั้นถูกต้อง แต่ ตามความจริงขณะใดก็ตามที่มีการทำด้วยความเป็นเรา ด้วยความจงใจ หรือเพียงคิดจะ ทำ ขณะนั้นก็เป็นลักษณะของตัวตน แต่ขณะใดที่ฟังแล้วเข้าใจ และมีความมั่นคงว่าทุก สิ่งทุกอย่างที่เกิดแม้ในขณะนี้ต้องมีเหตุปัจจัยที่จะเกิดขึ้น เพราะเกิดแล้วจึงสามารถที่จะ รู้ได้ว่าถ้าไม่เคยมีปัจจัยที่สะสมมา สิ่งนี้ก็เกิดขึ้นไม่ได้ นี่คือการที่จะเป็นผู้ที่มีความมั่นคง ในเรื่องความเป็นอนัตตา แต่ต้องอาศัยความอดทนมากเพราะว่าธรรมเป็นสิ่งที่จริง รู้ได้ แต่ต้องเป็นปัญญาของตนเองที่ค่อยๆ เข้าใจถูกต้องขึ้นตามลำดับโดยที่ว่าไม่ให้มีโลภะ ชักพาไปที่อื่น เพราะเหตุว่าที่อยู่มาจนถึงขณะนี้ในสังสารวัฏฏ์ก็เพราะโลภะความติดข้อง
ที่มา ...