จิตที่ไม่รู้อารมณ์ทางตา หู ... ใจ
ผู้ฟัง อย่างปฏิจสมุปบาท อวิชชา ปัจจัยยา สังขารา คำว่า “สังขาร” เป็น ปัจจัยทำให้เกิดภวังคจิตอย่างหนึ่งหรือเปล่า
ท่านอาจารย์ การฟังต้องมีพื้นฐานตามลำดับ เพราะว่าถ้าจะเข้าใจปฏิจสมุ ปบาทโดยไม่มีพื้นฐานเลยจะจำแต่เพียงชื่อ แต่การศึกษาธรรมไม่ใช่จำชื่อ เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจจุดประสงค์ของการศึกษาธรรมเพื่อเข้าใจลักษณะของสิ่งที่มีจริง เมื่อไหร่เริ่ม เข้าใจขณะนั้นเริ่มเข้าใจตามจุดประสงค์ที่ศึกษา และก็จะอบรมความรู้ ความเห็นถูกนี้ ไปจนกว่าจะประจักษ์แจ้งอริยสัจ ๔
สำหรับจิตคือปฏิสนธิจิต ๑ ภวังคจิต ๑ จุติจิต ๑ นี่เป็นชื่อกิจ จิตทั้ง ๓ นี้ไม่รู้อารมณ์ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพราะฉะนั้นขณะใดก็ตามที่ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่คิดนึก นี่พูดคร่าวๆ ตามที่จะเข้าใจได้ แต่จริงๆ แล้ว วาระหนึ่งของการเห็นจะมีจิตอื่นๆ เกิดร่วมด้วยไม่ใช่เฉพาะแต่จิตเห็นเท่านั้น ให้ทราบ ว่าขณะใดก็ตามที่ไม่รู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นภวังคจิต ยังไม่ใช่จิตุจิต เพราะว่ายังไม่ใช่จิตขณะสุดท้ายของชาตินี้ และไม่ใช่ปฏิสนธิจเพราะว่าปฏิสนจิตก็ดับ ไปแล้ว เพราะฉะนั้นระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ ขณะใดที่ไม่รู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ขณะนั้นต้องเป็นภวังคจิตดำรงภพชาติต่อไปจนกว่าจะถึงจุติจิตๆ มีเจตสิกเกิดร่วม ด้วยไหม
ผู้ฟัง มี แล้วอะไรเป็นตัวยึดเหนี่ยวให้ภวังคจิตยังคงอยู่
ท่านอาจารย์ ไม่มีตัว ธรรมเป็นธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย
ผู้ฟัง เนื่องจากยังมีการรวมประชุมอยู่ของรูปนามหรือเปล่า
ท่านอาจารย์ ยังมีเหตุปัจจัยที่จะให้เป็นไปก็เป็นไป ดับเหตุปัจจัยหมดก็ไม่มี การเกิดขึ้นเป็นไปอีกต่อไป
ที่มา ...