มีผู้ติเตียนแล้วหวั่นไหว


    ท่านอาจารย์ ก็ขอกล่าวถึงท่านผู้หนึ่ง ท่านก็เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินมาก แรกเริ่มเดิมทีท่านก็มีกระเป๋าหนังอย่างดี ก็ราคาแพง ต่างประเทศ เดี๋ยวนี้ท่านก็ถือย่าม สบายจะตายไป เบาออก ไม่เดือดร้อนเลย ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนว่าใครจะคิดยังไงถ้าเรามีความพอใจ เราไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้ไปว่ากล่าวใคร ไม่ได้ไปอิจฉาริษยาใคร แต่ทำกุศลมากๆ ทุกอย่างที่จะเป็นไปได้ คนอื่นก็จะต้องชื่นชมในสิ่งที่เป็นความดี และสิ่งภายนอกก็เป็นภายนอกจริงๆ ภายนอกจะปิดบังยังไงก็ตาม ไม่สามารถที่จะบังจนไม่เห็นจิตใจที่แท้จริงได้ ถ้ามีการกระทำออกมาทางกาย ทางวาจา เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่มีกุศลจิตเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ไม่หวั่นไหว ไม่ว่าชาวโลกจะกล่าวยังไงก็ตาม กุศลจิตก็ยังเป็นกุศลจิต มีความพอใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์ พร้อมกันนั้นก็ให้ทรัพย์สมบัตินั้นเป็นประโยชน์กับผู้อื่นด้วย ก็เป็นที่น่าอนุโมทนา ไม่เห็นจะมีใครว่าอะไร ถ้าใครจะว่าอะไร เพราะเหตุว่า คนนั้นเห็นผิด เข้าใจผิดเท่านั้นเอง ถ้าคนเขลาติเตียน คุณเด่นพงศ์หวั่นไหวไหม แต่ถ้าบัณฑิตติเตียน คุณเด่นพงศ์หวั่นไหวไหม

    ผู้ฟัง ผมเองก็ไม่ค่อยจะหวั่นไหว แต่ผมรู้สึกรำคาญครับ

    ท่านอาจารย์ รำคาญเป็นอะไร เป็นอกุศลจิต

    ผู้ฟัง โทสะนิดๆ หน่อยก็ช่างมันเถอะ ผมก็ยังคิดว่าผมทำถูก

    ท่านอาจารย์ เข้าใจธรรมให้มากขึ้นนี่เป็นประโยชน์ที่สุด เพราะว่าเราจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 153


    หมายเลข 9703
    31 ส.ค. 2567