ตั้งต้นที่จะมีความมั่นคงในความเป็นอนัตตา
ผู้ฟัง อย่างเราศึกษาพระธรรม เราจะพอระลึกได้ถึงสภาพของโทสะที่เกิด ทีนี้พอเราระลึกได้ บางครั้งเราก็มีความอดทนต่อสภาพธรรมที่เกิด ไม่ไปประทุษร้ายผู้อื่นทางกาย วาจา แต่ทีนี้บางวันไม่มีสาเหตุอะไรเลย แต่เกิดมาตอนเช้าก็อารมณ์เสียตั้งแต่เช้า ซึ่งเราก็รู้สึกว่ามันเป็นสภาพธรรมของโทสะ แต่ว่ามันไม่มีสาเหตุที่ไปกระทบกระทั่ง ก็เลยอยากเรียนถามสภาพธรรม และการสะสมของโทสะในชีวิตประจำวัน
ท่านอาจารย์ โทสะไม่เปลี่ยนลักษณะเลย ไม่ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ จะน้อยจะมากวันไหน ไม่มีสาเหตุอะไร ก็รู้สึกสะสมมาที่จะเกิดความไม่สบายใจ โดยที่ว่าขณะนั้นก็ไม่ได้มีเหตุที่จะทำให้เราคิดว่าเพราะเรื่องนั้นหรือเพราะอย่างนี้ แต่ก็เป็นความรู้สึกไม่สบายใจที่เกิดขึ้น บางวันก็รู้สึกแช่มชื่นเบิกบาน จริงๆ แล้วทั้งหมดแสดงถึงความเป็นอนัตตา แล้วเราก็ข้ามความเป็นอนัตตาซึ่งก็มีให้เห็นอยู่ แม้ในเรื่องที่ว่าบางวันก็เกิดไม่สบายใจขึ้นมา แล้วบางวันก็แจ่มใส แค่นี้ก็ผ่านไปแล้ว ทำไมเราไม่เห็นว่านี่คืออนัตตาไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้เลย เพราะเหตุว่ายังมีความเป็นเรา ก็ยังมีความสงสัยในทุกอย่าง เพราะเหตุว่าสิ่งนั้นก็เกิดแล้ว สงสัยอะไร ในเมื่อที่เกิดต้องมีเหตุปัจจัยจึงเกิดได้ จึงเป็นอย่างนั้นในขณะนั้น เพราะฉะนั้น หนทางเดียวที่จะไม่เป็นไปกับเรื่องราวกับความเป็นเรา วันนี้ทำไมอย่างนี้ วันก่อนเป็นยังไง ก็คือให้รู้ในลักษณะที่เป็นธรรมขึ้นไม่ใช่เราในขณะนั้น แค่นี้เราก็ข้ามไปทั้งวัน เพราะว่าถึงเราจะฟังธรรมมากสักเท่าไหร่ วิตกของเราก็ยังไม่มีปัจจัยปรุงแต่งที่จะรู้ตรงลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ อย่างโทสะเกิดมีลักษณะของโทสะซึ่งทุกคนก็รู้ว่าไม่ใช่โลภะ ไม่ใช่สภาพธรรมอื่น มีลักษณะอื่นปรากฏ ควรจะเพื่อให้รู้ เพื่อเข้าใจให้ถูกต้อง แต่กลับให้สงสัยว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าการฟังพระธรรมของเราจะไม่ปรารถนา ไม่ได้ต้องการอะไร แต่ให้มีความมั่นคงที่จะให้รู้ว่าธรรมเป็นอนัตตา ไม่ว่าธรรมใดๆ ทั้งสิ้นที่เกิดปรากฏเพื่อที่จะละความเป็นเรา มิฉะนั้นเราก็ไม่มีความตั้งต้นที่จะมีความมั่นคงในความเป็นอนัตตา เราก็ติดตามเรื่องราวไปตลอด
ที่มา ...