ถ้าไม่มีการเกิดจะไม่มีทุกข์ใดๆ ทั้งสิ้น


    ผู้ฟัง ท่านอาจารย์บอกว่าสงบจากอกุศล ทีนี้เมื่อสงบจากอกุศล สงบ สันติ นิพพาน อันนี้หมายความว่าลึกลงไปอีกหรืออย่างไร ช่วยตรงนี้ด้วย

    ท่านอาจารย์ จริงๆ แล้วถ้าพูดถึงนิพพานก็เรียกว่าสุดยอดของความสงบไม่มีสงบใดจะเสมอเหมือน เพราะเหตุว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักอย่างเดียว ที่วุ่นวาย เพราะเกิดขึ้น เราพูดถึงปัญหาใหญ่ๆ เรารู้สึกว่าเกิดมาแล้วก็มีปัญหารอบตัว สมัยเด็กก็มีปัญหาวัยเด็ก สมัยโตก็มีปัญหาวัยโต ไม่เห็นมีใครพ้นจากปัญหาเลย วันนี้มีปัญหาไหม มีแล้วหรือยังปัญหา หรือไม่มีเหมือนกัน เกิดมาแล้วมีปัญหาไหม บางคนก็วันนี้จะรับประทานอะไรดี ปัญหาไหม ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ตราบใดที่เป็นอกุศล มีปัญหาทั้งหมดโดยไม่รู้ตัวเลย แหล่งของปัญหาก็คืออวิชชาที่ทำให้มีการเกิดขึ้น เมื่อเกิดแล้วที่จะไม่มีปัญหาเป็นไปไม่ได้เลย แต่ว่าปัญหาเล็กๆ หรือว่าปัญหาใหญ่ๆ ปัญหาที่ชินจนไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา แต่ถ้าจะรู้อกุศลทั้งหมดเป็นปัญหา แต่ขณะใดที่เป็นกุศล สงบจากจากปัญหา เพราะว่าขณะนั้นสงบจากโลภะ โทสะ โมหะ จนกระทั่งสงบจริงๆ คือไม่เกิดอีกเลย เมื่อมีการเห็น มีปัญหาแล้วมาจากการเห็น มีเรื่องราวคิดนึกต่างๆ คิดนึกเป็นกุศลหรืออกุศลส่วนใหญ่ ทุกอย่างเป็นปัญหาหมดเลยไม่ว่าจะรับประทานอาหารเป็นอยู่อย่างไร จะหลับจะนอน ที่นอนห้องน้ำเป็นปัญหาทั้งนั้น ค่อยๆ แก้ปัญหาไปด้วยความคุ้นเคยชินเหมือนกับว่าไม่เดือดร้อน แต่ถ้าไม่มีเลยจะดีไหม ไม่มีการเกิดขึ้นเลย นั่นคือผู้ที่มีปัญญาจนกระทั่งรู้ว่าถ้าไม่มีการเกิดจะไม่มีทุกข์ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะว่าจะต้องไปถึงแม้แต่การเกิดก็เป็นทุกข์ ก็ละเอียดไปอีก ถ้าไม่มีการเกิดเลยก็ไม่ต้องดับอะไรนี่เกิดแล้วต้องดับ เกิดแล้วไม่ดับไม่ได้ เกิดมาเพื่อดับ เท่านั้นเอง เกิดแล้วก็ดับๆ หรือว่าถ้าจะพูดอย่างธรรมดาชาวบ้าน เกิดเพื่อตาย แต่เราคิดถึงว่าคนเราเกิดมาแล้วที่ไม่ตายไม่มี ที่เกิดเพื่อตาย แต่ว่าเราคิดถึงสมมติมรณะคือตายจากโลกนี้ไปสู่โลกอื่น แต่ถ้าพูดถึงขณะจิตก็คือตายอยู่ทุกขณะ นี่ต้องเป็นปัญญาอีกระดับหนึ่งที่สามารถที่จะเห็นได้จริงๆ ว่าเป็นทุกข์ ถ้ายังไม่ตายก็อยู่เพื่อตายอีก ที่อยู่ทุกวันๆ เพื่อตายแน่ๆ ก็เพียงแค่อยู่ไปเพื่อตาย แต่ระหว่างที่ยังไม่ตายอยู่ไป แล้วก็พอกพูนอกุศล ความติดข้องโลภะโทสะ โมหะ มากมาย เพราะฉะนั้นขณะใดที่อยู่ แล้วก็จะต้องตาย แต่ก่อนตายก็ยังมีความเข้าใจถูก เห็นถูก ที่จะต้องคลายการที่จะเกิดอีกมากมายก็จะทำให้สามารถที่จะรู้ได้ อะไรเป็นปัญหา อะไรเป็นทุกข์ และความสงบจริงๆ ความสงบจากทุกข์ทั้งหลายได้ ปัญหาทั้งหมดก็คือไม่เกิด จะถึงไหม ด้วยปัญญาถึงได้ แต่ไม่เร็ว นี่ก็เป็นกถาที่ทำให้ละโลภะ ไม่ใช่ไปต้องการเร็ว แต่ว่าต้องการความจริงที่ว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดเมื่อมีการอบรม ทีละเล็ก ทีละน้อย พ้นจากความเห็นผิดที่จะไปทำอย่างอื่นมาแค่นิดดียว แต่ยังมีโลภะอีกมากมายที่จะกั้นไปตลอดทาง

    ผู้ฟัง ท่านอาจารย์กล่าวว่าความสุขที่เป็นสุดยอดก็คือนิพพาน ขั้นฟังไม่ใช่ขั้นประจักษ์ ผมจะถามว่าพระนิพพานกับจิต เจตสิก อารณ์ของนิพพานมีอารมณ์ของปัญญาไหม เพราะปัญญาเป็นปัญญาเจตสิก หรือแม้กระทั่งปัญญาก็ไม่มีในอารมณ์ของนิพพาน

    ท่านอาจารย์ ต้องทราบว่าถ้ากล่าวในลักษณะที่ว่านิพพานเป็นปรมัตถธรรมซึ่งไม่ใช่จิต ไม่ใช่เจตสิก ไม่ใช่รูป เพราะเหตุว่า จิต เจตสิก รูป เป็นปรมัตถธรรมที่เกิดดับ


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 154


    หมายเลข 9714
    31 ส.ค. 2567