นิพพานไม่มีการเกิด ไม่มีการดับ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิด
ท่านอาจารย์ ต้องทราบว่าถ้ากล่าวในลักษณะที่ว่านิพพานเป็นปรมัตถธรรมซึ่งไม่ใช่จิต ไม่ใช่เจตสิก ไม่ใช่รูป เพราะเหตุว่า จิต เจตสิก รูป เป็นปรมัตถธรรมที่เกิดดับ แต่ว่าขณะนี้ลักษณะของนิพพานซึ่งเป็นธาตุที่ไม่เกิด เพราะไม่มีปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้ปรากฏ แต่สิ่งที่กำลังปรากฏต้องเข้าใจว่าเกิดแล้วจึงปรากฏ และเมื่อเกิดแล้วก็ดับไปเป็นทุกข์หรือเปล่า
ผู้ฟัง สภาวะเช่นนี้เป็นทุกข์
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นสภาพของนิพพานซึ่งไม่มีการเกิดจึงเป็นสุขคือสงบจากทุกข์ทั้งปวงในความหมายที่ว่าไม่ใช่สุขเวทนา ตรงกันข้ามกับทุกข์เพราะสงบจากการเกิด สงบจากทุกข์ทั้งปวง และก็เป็นอารมณ์ของโลกุตตรจิต ขณะที่โลกุตตรจิตเกิดต้องมีปัญญาเกิดร่วมด้วย ถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถที่จะเป็นโลกุตตรจิตได้
ผู้ฟัง เพื่อความเข้าใจของอารมณ์โลกุตตรจิตในนิพพานนั้น
ท่านอาจารย์ สภาพของนิพพาน
ผู้ฟัง มีปัญญา
ท่านอาจารย์ ไม่ได้ นิพพานไม่ใช่จิต ถ้าปัญญาก็เป็นเจตสิก เพราะฉะนั้นนิพพานเป็นปรมัตถธรรมที่ไม่ใช่จิต ไม่ใช่เจตสิก ไม่ใช่รูป ไม่มีการเกิด ไม่มีการดับ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เกิด ลองคิดถึงอารมณ์ธรรมดาในชีวิตประจำวันไม่พ้นจากสิ่งที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ คิดนึกก็คิดนึกเรื่องของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ กี่ชาติไม่เบื่อหรือ ก็แค่นี้ก็แค่สิ่งที่ปรากฏทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วก็ไม่เที่ยงด้วย ยังไม่ถึงการที่จะประจักษ์แจ้งอารมณ์หนึ่งซึ่งพ้นจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมด สิ่งใดที่สติ และปัญญากำลังรู้ สิ่งนั้นก็เป็นสติปัฏฐาน ถ้ารู้ลักษณะของสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นสติปัฏฐานก็คืออารมณ์ซึ่งสติกำลังระลึกรู้พร้อมปัญญาไกลแสนไกลไหมกว่าจะรู้ลักษณะของธาตุอีกชนิดหนึ่งซึ่งต่างกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ที่มา ...