เจ็บ
ผู้ฟัง ยังสงสัยว่าเจ็บเป็นอารมณ์ที่รู้ทางกาย
ท่านอาจารย์ หมายความว่าเจ็บ กายวิญญาณเกิดขึ้น มีเวทนาที่เป็นทุกข์เกิดร่วมด้วย ตัวเวทนาเป็นเจตสิกเป็นความรู้สึกซึ่งเกิดกับกายวิญญาณ เกิดกับทุกขเวทนา
ผู้ฟัง ลักษณะตึงกับร้อน
ท่านอาจารย์ คนละลักษณะ เจ็บกับตึงๆ เป็นรูป ร้อนเป็นรูป เจ็บเป็นความรู้สึก คือต้องทราบว่ามีกายปสาท มีกาย และทั่วกายก็มีกายปสาทรูป เป็นรูปที่สามารถกระทบกับโผฏฐัพพะ นี่พูดถึงเรื่องรูปกับรูปก่อน ยังไม่พูดถึงนามธรรม กายเป็นรูป ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม ก็มีกายปสาทด้วยซึมซาบอยู่ กระทบกับเย็นหรือร้อนรูป ๑ อ่อนหรือแข็งรูป ๑ ตึงหรือไหวรูป ๑ ทั้งสองนี้เป็นรูป กายปสาทก็เป็นรูป แล้วก็เย็น ร้อนอ่อน แข็ง ตึง ไหว ก็เป็นรูป แต่จิตที่กำลังรู้สิ่งที่เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ทางกาย ขณะนั้นมีทุกขเวทนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย หรือมีสุขเวทนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย จิตต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ถ้ากายวิญญาณเป็นจิตรู้เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหวสภาพรู้ ธาตุรู้ขณะนั้นเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้ลักษณะที่เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว แต่ความรู้สึกที่เกิดกับสภาพรู้ในขณะที่มีเย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็งตึงหรือไหว จะต้องเป็นสุขเวทนาหรือทุกขเวทนาเท่านั้นเป็นอื่นไม่ได้ เรายังไม่พูดถึงเจ็บหรือปวดเลย แต่เราพูดถึงเพียงว่าจิตที่อาศัยกายรู้ เขารู้อะไรทางกาย ต้องรู้เย็นขณะที่กำลังรู้เย็นรู้สึกยังไง
ผู้ฟัง ถ้าเย็นมากก็ไม่สบาย
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นขณะนั้นความรู้สึกไม่สบายเป็นเวทนาเจตสิก
ผู้ฟัง ถ้าร้อนมากก็ไม่สบาย
ท่านอาจารย์ ขณะนั้นก็เป็นเวทนาเจตสิกซึ่งเกิดกับกายวิญญาณ
ผู้ฟัง มันก็เป็นเจ็บ
ท่านอาจารย์ เจ็บก็คือกายวิญญาณมีเวทนาที่เป็นทุกข์เกิดร่วมกับกายวิญญาณ ตัวกายวิญญาณขณะนั้นมีเวทนาที่เป็นทุกข์เกิดร่วมด้วย
ผู้ฟัง ทีนี้มันก็ต้องรู้ทางกายสิคะ
ท่านอาจารย์ รู้เย็นหรือร้อนทางกาย แต่ตัวจิตที่รู้เย็นหรือร้อนเกิดร่วมกับความรู้สึกเป็นทุกข์ในขณะที่รู้กำลังเย็นหรือร้อน
ผู้ฟัง ความเป็นทุกข์ก็รู้ทางกายใช่ไหม
ท่านอาจารย์ จะรู้ความเป็นทุกข์ ความเจ็บ ความปวดหรือว่าเย็นร้อน ขณะนั้นมีสภาพที่จะรู้ได้ ๓ อย่างคือมีจิตซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์คือเย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว คือจิตนั้นเป็นกายวิญญาณ เพราะว่าขณะนั้นไม่เห็น ไม่ได้ยิน แต่เป็นจิตที่รู้สิ่งที่กระทบกาย ตัวจิตเป็นสภาพที่รู้สิ่งที่กระทบกายตัวจิตเป็นสภาพที่ต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย แล้วเวทนาเจตสิกต้องเกิดทุกครั้ง จะไม่มีจิตสักประเภทเดียวที่ไม่มีเวทนาเจตสิกเกิดร่วมด้วย ในขณะที่กายวิญญาณกำลังรู้เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว ขณะนั้นเวทนาเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยจะเป็น ๑ ใน ๒ คือ สุขเวทนาหรือเป็นทุกขเวทนา ในขณะที่กำลังกระทบเป็นสุขไหม ถ้าเป็นสุขก็คือในขณะนั้นสุขเวทนาเกิดร่วมกับกายวิญญาณที่กำลังรู้อารมณ์นั้น แต่ถ้าจะรู้ตัวความรู้สึกขณะนั้นต้องเป็นทางใจ เฉพาะความรู้สึกขณะนั้นไม่ได้รู้เย็น ร้อน ไม่ได้รู้อ่อนแข็ง แต่กำลังมีความรู้สึกที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้นการที่จะมีความรู้สึกนั้นเป็นอารมณ์ได้ ต้องเป็นจิตที่เกิดขึ้นทางใจเพราะขณะนั้นไม่ได้รู้แข็ง เวทนา ความรู้สึกในภาษาไทยก็คือเวทนาเจตสิก ความรู้สึกทุกประเภทเป็นเวทนาเจตสิก เหมือนทางตา เห็นสิ่งที่ปรากฏแต่รู้ว่าเป็นอะไรทางใจ ไม่ใช่ทางตาไปเห็นว่าเป็นคน เพราะฉะนั้นทางกายเวลาที่กายวิญญาณรู้เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว ก็เป็นจิตที่กำลังมีสิ่งนั้นเป็นอารมณ์ แต่ตอนที่เจ็บ และรู้ลักษณะที่เจ็บต้องรู้ได้ทางใจ กำลังเห็นที่ว่าเป็นคนก็ต้องเป็นทางใจที่รู้ว่าเป็นคน ทางตาจะไม่รู้เลยว่าเป็นคน เพียงแต่เห็น
ผู้ฟัง คือมันเจ็บที่กาย
ท่านอาจารย์ ขณะนั้นเจ็บเป็นสภาพธรรมที่ปรากฏ แล้วที่จะรู้ลักษณะที่เจ็บได้ กายไปรู้เจ็บ รู้ไม่ได้หรอก กายวิญญาณรู้เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง แต่ว่าเวทนาความรู้สึกที่เกิดกับกายวิญญาณความรู้สึกที่เป็นสุขหรือเป็นทุกข์ เหมือนขณะนี้ที่กำลังเห็น ความรู้สึกเป็นยังไงขณะที่เห็น
ผู้ฟัง เฉยๆ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นความรู้สึกเฉยๆ เกิดกับจิตเห็น แต่ความรู้สึกเป็นสุขหรือทุกข์เกิดกับกายวิญญาณ ไม่ใช่จักขุวิญญาณ
ผู้ฟัง กายวิญญาณก็มีเวทนาเกิดร่วมด้วยอยู่แล้ว
ท่านอาจารย์ ขอแยกเป็นแต่ละทวาร เผื่อจะเข้าใจขึ้น ทางตาคุณหมอเห็นใช่ไหม แล้วชอบไหมสิ่งที่เห็น
ผู้ฟัง ชอบ
ท่านอาจารย์ ขณะที่เห็นมีสิ่งที่ปรากฏ รู้ได้ทางตา หมายความว่าทางตาจะรู้อื่นไม่ได้เลย กำลังมีสิ่งที่กำลังปรากฏ แต่พอมีความรู้สึกที่ชอบที่รู้ลักษณะที่ชอบทางตาหรือทางใจ ลักษณะที่ชอบทางใจ แต่ว่าสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นอีกส่วนหนึ่ง ต้องอาศัยจิตเห็นทางตา แต่ส่วนความรู้สึกที่เป็นชอบเกิดขึ้น และรู้ในอาการที่ชอบ ลักษณะที่ชอบต้องอาศัยรู้ได้ทางใจ เพราะว่าทางตาเห็นเท่านั้น ทางหูเหมือนกัน ถ้าได้ยินแล้วไม่ชอบ ลักษณะที่ไม่ชอบปรากฏ และรู้ได้ทางไหน
ผู้ฟัง ทางใจ
ท่านอาจารย์ ค่ะ พอถึงทางกายมีสิ่งที่กระทบเย็นหรือร้อน แต่ความรู้สึกเป็นทุกข์ ลักษณะที่เป็นทุกข์รู้ได้ทางไหน
ผู้ฟัง ทางใจ
ท่านอาจารย์ ก็ต้องทางใจ
ผู้ฟัง ที่กล่าวว่าความรู้สึกเป็นทุกข์กับเป็นสุขเกิดกับกายวิญญาณ
ท่านอาจารย์ แต่ตัวกายวิญญาณไม่ได้รู้ความสุขหรือความทุกข์ กายวิญญาณต้องรู้เย็นหรือร้อนทางกายที่กระทบ
ผู้ฟัง แล้วจิตที่รู้สภาพของเป็นสุขกับเป็นทุกข์
ท่านอาจารย์ ขณะที่ชอบ เรายังไม่พูดถึงนั่นเลย รู้ไหมว่าชอบ
ผู้ฟัง ทราบค่ะ
ท่านอาจารย์ รู้ลักษณะที่ชอบได้ทางไหน
ผู้ฟัง ทางใจ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นลักษณะที่เจ็บ
ผู้ฟัง ก็ทางใจ
ที่มา ...