ขณะที่เริ่มเข้าใจนามธรรม lสติก็ระลึกลักษณะนั้นๆ


    ผู้ฟัง ดิฉันคิดว่าดิฉันคงจะเข้าใจผิดอะไรสักอย่างแน่ ดิฉันเข้าใจ ว่าการที่กล่าวว่าพิจารณาระลึกรู้สภาพธรรมก็คือสติเป็นตัวที่จะระลึก แต่ว่าที่ฟังมาการ ที่จะรู้ลักษณะของกุศลหรืออกุศลก็คือเจตสิก ต้องรู้สภาพรู้ก่อน

    ท่านอาจารย์ มิได้ค่ะ จิตเป็นสภาพรู้ เจตสิกเป็นสภาพรู้ ทั้งสองอย่างเกิด ร่วมกัน มีอารมณ์เดียวกัน คือรู้อารมณ์เดียวกัน

    ผู้ฟัง แต่ว่าการที่จะรู้ลักษณะของเจตสิกแต่ละเจตสิกจะต้องรู้ ลักษณะของการเป็นรูปกับนามก่อน ทีนี้การรู้นามธรรมก็คือสภาพรู้

    ท่านอาจารย์ เดี๋ยวก่อนค่ะ สติจะเกิดรู้อารมณ์ทีละอารมณ์ ถ้าขณะที่กำลังมี รูปเป็นอารมณ์ จะรู้ลักษณะของนามธรรมไม่ได้

    ผู้ฟัง ตรงนี้ไม่สงสัย แต่มาสงสัยตรงที่ว่าการที่จะรู้ว่าเป็นสภาพรู้ จิตก็เป็นสภาพรู้กับการที่เราจะรู้ลักษณะไม่ว่าจะเป็นโลภะหรือโทสะ เหมือนกับว่า สภาพรู้ซึ่งเป็นนามธรรมจะต้องรู้ลักษณะของสภาพที่เป็นนามธรรมก่อน ถึงจะมารู้ความ ละเอียดของลักษณะของเจตสิก

    ท่านอาจารย์ เวลานี้มีรูปธรรมกับนามธรรม ลักษณะของนามธรรมปรากฏ หรือยัง มีแต่ชื่อว่าจิต โลภะ โทสะ ก็เป็นชื่อของนามธรรมทั้งนั้นที่เป็นจิตกับเจตสิก แต่ ว่าตามความเป็นจริงเวลาที่สติสัมปชัญญะเกิด เป็นขณะที่จะเริ่มเข้าใจลักษณะที่กำลัง มี และก็สติกำลังระลึกตรงนั้นด้วย เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องที่ลักษณะนั้นปรากฏให้เข้าใจ ในลักษณะนั้น ไม่ต้องไปใช้ชื่อ และลักษณะที่เป็นเจตสิกก็ยังคงเป็นเจตสิก จะไม่ เปลี่ยนเป็นจิต ลักษณะของจิตก็เป็นจิต เพราะฉะนั้นถ้าเรายังไม่รู้ในสภาพที่เป็น นามธรรม เราจะรู้ไหมว่าลักษณะไหนเป็นอะไร


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 157


    หมายเลข 9750
    31 ส.ค. 2567