รู้ลักษณะของสภาพธรรมจริงๆ ต้องรู้ว่าเป็นรูปหรือนาม


    ผู้ฟัง ผมอยากจะขอความกระจ่างในเรื่องของฉันทะ อย่างเช่นเราได้ยินข่าวว่าคนขี้โกงถูกศาลยึดทรัพย์ เราสะใจกับการที่เขาถูกลงโทษอย่างนี้ ถือว่าเป็นฉันทะใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ ฉันทะเกิดกับจิตกี่ประเภทนี่ต้องทราบ ฉันทะไม่เกิดกับจิต ๒๐ ประเภท คือไม่เกิดกับอเหตุกจิต ๑๘ ทั้งหมดเลย ไม่มีฉันทะเกิดร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ ไม่มีการที่จะเลือกพอใจ แล้วแต่ว่าอารมณ์ใดกระทบก็เกิดขึ้นเห็นสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญจทวาราวัชชนะ มโนทวาราวัชชนะ ทั้งหมดที่เป็นอเหตุกจิตไม่มีฉันทเจตสิกเกิดร่วมด้วย ๑๘ แล้วก็โมหมูลจิตอีก ๒ ไม่มีฉันทเจตสิกเกิดร่วมด้วย

    นอกจากนั้นมีฉันทเจตสิกเกิดร่วมด้วย เพราะฉะนั้น ฉันทเจตสิกเกิดกับโลภมูลจิต เกิดกับโทสมูลจิตที่เป็นฝ่ายอกุศล สำหรับทางฝ่ายโสภณ ทางฝ่ายกุศล ไม่ว่าจะเป็นกุศลวิบาก หรือว่ากุศล หรือกิริยาก็มีฉันทเจตสิกเกิดร่วมด้วย เพราะฉะนั้น สภาพธรรมเกิดดับเร็วมาก ก่อนที่เราสามารถจะรู้ได้ว่าลักษณะนั้นเป็นอะไร เพราะว่าระหว่างโลภะกับโทสะซึ่งมีจิตเกิดคั่นมาก แต่การปรากฏ ไม่ปรากฏเลยว่ามีจิตเกิดคั่น เหมือนกับพร้อมกัน เช่นขณะที่เห็นกับขณะที่ได้ยินเหมือนพร้อมกันฉันใด เราก็ไม่สามารถที่จะรู้ความต่างจริงๆ จนกว่าสติสัมปชัญญะจะเกิด และรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมซึ่งแม้จะมีอายุที่สั้นมาก แต่ก็เกิดดับสืบต่อ อย่างสภาพที่กำลังเห็นสิ่งที่ปรากฏ ไม่ใช่เพียงขณะเดียว มากมายหลายขณะ เพราะเหตุว่าเหมือนมีสิ่งที่ปรากฏโดยไม่ได้ดับไปเลย

    เพราะฉะนั้น เวลาที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมจริงๆ จะต้องมีการรู้ลักษณะด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องว่าลักษณะนั้นเป็นสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมหรือรูปธรรม โดยที่ไม่สามารถที่จะไปรู้ถึงความลึกหรือความเป็นจริงซึ่งขณะนั้นเป็นอกุศลประเภทใด อย่างเวลาที่เราเกิดความพอใจเกิดขึ้น เรามีความรู้สึกว่าเราชอบแต่ว่าเห็น มีหรือเปล่าขณะที่เราว่าเราชอบสิ่งหนึ่งสิ่งใด กำลังชอบกำลังเพลินก็มีเห็นมีได้ยินสลับ


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 158


    หมายเลข 9773
    31 ส.ค. 2567