กำลังคิดถึงความไม่ดีของคนอื่น
ผู้ฟัง ความไม่พอใจในอกุศลจิตของผู้อื่น ซึ่งในชีวิตประจำวันจะเกิดบ่อยมาก และก็จะเป็นไปได้มาก ยิ่งศึกษาธรรมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความรู้สึกไม่พอใจในอกุศลจิตของผู้อื่น
ท่านอาจารย์ ก็จะต้องทราบตามความเป็นจริง เรามักจะมีผู้อื่นในความคิดแสดงว่าเรายังไม่เข้าใจในตัวธรรมจริงๆ เพราะเหตุว่าถ้าเป็นธรรมจริงๆ จะมีแต่เพียงจิตที่คิดนึกเรื่องราวต่างๆ เป็นสิ่งของก็ได้ เป็นบุคคลก็ได้ แต่ว่าตามความเป็นจริง ขณะนั้นเป็นความจำในสิ่งที่เคยจำไว้ว่าเป็นคนนั้นคนนี้ เรื่องราวเป็นอย่างนี้ ทำความไม่ดีอย่างนี้ ขณะนั้นก็เป็นจิตที่คิดนึกด้วยอกุศลจิตคือโทสะ เพราะฉะนั้นการที่เราศึกษาธรรมคือเพื่อที่จะฟังแล้วฟังอีก ให้ทราบว่าที่เราเคยจำไว้เป็นคน สัตว์ เป็นเรื่องราวต่างๆ แท้ที่จริงแล้วถ้าจิตไม่เกิดคิดเรื่องราวนั้นก็ไม่มี และความคิดของเราก็มากมาย เราก็จะพิจารณาว่าสิ่งที่เราคิดเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหน อย่างเวลาที่นอนหลับสนิท ไม่มีเรื่องอะไรเลย อยากจะเป็นอย่างนั้นไหม คือไม่ต้องมีเรื่อง ไม่ต้องมีอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องได้ยิน นี่คือเรารู้ลักษณะของจิตที่กำลังหลับสนิทเป็นภวังค์ว่าไม่มีใครสักคนเดียว แต่นั่นเป็นภวังคจิต ยังไม่ถึงเป็นสมุทเฉทที่จะไม่มีจริงๆ คือจิต เจตสิกไม่เกิดอีกเลย นี่ก็แสดงให้เห็นว่าการฟังของเราต้องค่อยๆ ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น กำลังฟังสิ่งที่มีอยู่โดยยังไม่รู้ลักษณะนั้นเลย เพียงแต่ฟังเรื่องราว อย่างที่คุณสุกัญญาถามถึงขณะที่กำลังคิดถึงความไม่ดีของคนอื่น ขณะนั้นก็เพราะเหตุว่าจิตเกิดขึ้นคิด เราไม่รู้ตรงนี้เลย มีแต่ความเป็นเรื่องคนไม่ดี คนนั้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี แล้วเมื่อไหร่จะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วก็ไม่มีเรา และไม่มีเขา มีแต่สภาพธรรมซึ่งจะต้องอบรมขัดเกลาการไม่รู้ ยึดถือสภาพธรรมนั้นจนกว่าจะประจักษ์จริงๆ เป็นสภาพรู้ ธาตุรู้ที่กำลังคิด เพราะฉะนั้นประโยชน์จริงๆ ของการศึกษาบ่อยๆ เรื่องนั้นเรื่องนี้ในพระไตรปิฎกก็ให้ถึงความเข้าใจที่ถูกต้องว่าแท้ที่จริงแล้วก็เป็นจิต เป็นเจตสิก เป็นรูป
ที่มา ...