เมตตา-กรุณา


    ผู้ฟัง บางครั้งเราเมตตาเฉยๆ ไม่พอ ต้องกรุณา เช่น เราไปดูแลคนโรคจิต เขาไม่รู้เรื่อง ไปอธิบายยังไงก็ไม่รู้เรื่อง ต้องพาเขาไปทำทุกสิ่งทุกอย่างเบียดเบียนกำลังทรัพย์ หรืออะไรต่ออะไร บางครั้งเราทำไปพอใจก็ต้องทำ ไม่พอใจก็ต้องทำ ปีต้นๆ ก็รู้สึกอึดอัดเบียดเบียนเวลา เบียดเบียนทุกอย่าง พอตอนหลังๆ ไม่แล้ว ถือว่าเป็นหน้าที่

    ท่านอาจารย์ ที่จริงแล้วถ้าเข้าใจถูก ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นกำลังอบรมบารมี ชอบคำนี้มากเลย “บารมี”

    ผู้ฟัง แต่ก็ไม่ใช่ง่าย ยากมากๆ

    ท่านอาจารย์ กุศลเกิดยากกว่าอกุศลแน่นอน แต่อบรมบารมีได้ เจริญบารมีได้ มีความเข้าใจถูกทีละเล็กทีละน้อยสะสมไปเรื่อยๆ เพราะว่าถ้าเรารู้จริงๆ ว่าเราสะสมอกุศลมามากเหลือเกิน ขณะใดที่เป็นกุศลจิต และทำกุศล ทำทันทีเพื่อเป็นการสะสมจนกว่าจะมีกำลัง มิฉะนั้นโอกาสนั้นก็เป็นโอกาสของอกุศลต่อไป และก็สะสมอกุศลต่อไปอีก

    ผู้ฟัง ท่านอาจารย์ช่วยกรุณาขยายคำว่า “กรุณา”

    ท่านอาจารย์ ช่วยเมื่อบุคคลนั้นมีทุกข์ ให้เขาสบายขึ้นพ้นจากทุกข์

    ผู้ฟัง คนที่เราช่วย เขาก็ไม่รู้

    ท่านอาจารย์ ไม่จำเป็น ผู้ที่กำลังมีกรุณาจะรู้การกระทำในขณะนั้นว่าประกอบด้วยกรุณามากน้อยแค่ไหน

    ผู้ฟัง แต่เราทุกข์

    ท่านอาจารย์ บังคับไม่ได้ มีเหตุที่จะให้เกิดความรู้สึกไม่แช่มชื่น ความรู้สึกนั้นก็เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล เราก็ไม่ข้ามขั้นใช่ไหม เกิดก็เกิดๆ แล้วก็หมดไป ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนอยู่ได้เลยสักขณะเดียว เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับไป พระธรรมเท่านั้นที่จะทำให้แต่ละคนที่มีทุกข์ค่อยๆ คลายทุกข์ไปได้ด้วยความเข้าใจในพระธรรม


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 169


    หมายเลข 9922
    3 ก.ย. 2567