เมตตา-กรุณาเป็นสิ่งที่ดี เรามีระดับไหน


    ผู้ฟัง สภาพจิตของตัวเราเองในขณะที่เห็นเหตุการณ์ หรือว่าประสบกับเหตุที่ผู้อื่นได้รับทุกข์ แล้วทำให้เราไม่อยากจะเห็นภาพนั้น เพราะว่ากำลังของกุศล เราไม่มี แล้วเราก็วิ่งหนีๆ จากอกุศลนั้นที่เราเจอ เพราะเราก็ไม่อยากจะเห็น ไม่อยากจะเจอ มันเป็นสภาพของความสลดใจ แต่ว่าจริงๆ แล้วจากการศึกษาธรรม มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ กำลังมี ๒ ฝ่าย กำลังของหิริโอตตัปปะ กับกำลังของอโนตตัปปะ เพราะฉะนั้น เราก็รู้ได้เลยว่าขณะนั้นเมื่อมีสิ่งที่เกิดเฉพาะหน้า อะไรมีกำลังหิริโอตตัปปะมีกำลัง คิดจะช่วย เพราะว่าที่นั่นไม่มีใครอีกแล้ว และเขาก็อยู่ในฐานะที่ลำบากกำลังเป็นตายเท่ากัน หรืออะไรก็แล้วแต่สถาการณ์ ถ้ากุศลจิตเกิดก็ช่วย แต่ถ้าอหิริกะ อโนตตัปปะมีกำลังไปเลย เพราะว่าไม่สามารถจะช่วยได้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นธรรมทั้งหมดซึ่งจากการฟัง และการไตร่ตรอง เราก็จะรู้ได้ว่าเราสะสมปัจจัยสำหรับสถานการณ์ใด บางคนง่ายที่จะมีเมตตา แต่ยากที่จะกรุณา หรือว่าอาจจะมีความกรุณาด้วย แต่ไม่ถึงกับสามารถจะไปช่วยได้ ก็รู้ถึงกำลังความสามารถของตัวเองด้วยว่าอาจจะช่วยไม่เป็น แทนที่จะรอดก็อาจจะซ้ำเติมอาการหนักขึ้นก็ได้หรืออะไรอย่างนั้น แต่ไม่ใช่เรื่องแก้ตัว ธรรมต้องตรง กุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล ในบรรดาธรรมที่เป็นพรหมวิหาร เมตตา การที่มีความหวังดี เป็นมิตรต่อผู้อื่น ที่จะเจริญขึ้นคือไม่เลือกเลยว่าบุคคลนั้นเป็นใคร ไม่ใช่กับมิตรสหายเมตตาได้ แต่พออยู่ในที่สาธารณะ พอใครเป็นโรคชนิดไหนมากระทบก็เกิดความรังเกียจ ขณะนั้นก็คือไม่เมตตา นี่ก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เมตตาเป็นสิ่งที่ดี เรามีระดับไหน สำหรับกรุณาคือความเข้าใจ เห็นใจในความทุกข์ของคนอื่น มี แต่ว่ามีกำลังถึงขนาดช่วยได้หรือเปล่า


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 169


    หมายเลข 9928
    1 ก.ย. 2567