อุทิศให้และการอนุโมทนา เมื่อดับแล้วสะสมสืบต่อ
อ.กุลวิไล จริงๆ แล้วก็อย่างที่กล่าวมาแล้วว่ากุศลจิตเราเกิดหรือเปล่า ขณะที่เราเคารพระลึกถึงคุณของบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้ว อันนั้นก็เป็นความเห็นถูก แต่ถ้าเรากราบไหว้แล้วเราต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากท่าน หรือว่าเป็นความเห็นที่คลาดเคลื่อนว่าท่านจะมาทานอาหารที่โต๊ะที่เราตั้งไหว้ อันนั้นก็เป็นความเห็นที่คลาดเคลื่อนที่ผิดไป ทุกอย่างก็คงเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยซึ่งเราก็ไม่สามารถจะไปเปลี่ยนแปลงบุคคลอื่นได้ แต่ความเข้าใจถูกของเราก็สามารถจะมีเพิ่มขึ้นได้จากการศึกษาพระธรรม
ท่านอาจารย์ เราควรที่จะให้เขาไตร่ตรองเองด้วย เช่นถามเขาว่าการระลึกถึงผู้ที่มีพระคุณอย่างบิดามารดาดีไหม แล้วปกติวันหนึ่งๆ ระลึกถึงบ่อยหรือเปล่า และก็ระลึกร่วมกันโดยที่ว่าคนนั้นอาจจะระลึก คนนี้ไม่ระลึก ถ้าเรามาพร้อมกันระลึกถึงคุณด้วยกันก็ดีใช่ไหม เพราะว่าท่านเป็นผู้มีคุณ และก็ทำสิ่งที่เหมาะสมเช่นทำกุศล เพราะเหตุว่า ถ้าเราประพฤติไม่ดี ญาติพี่น้องเราไม่อนุโมทนาแน่ ต่อให้จะเอาอะไรไปให้สักเท่าไหร่ แต่ความประพฤติของเราก็เป็นทางอกุศล ใครจะมาอนุโมทนาใช่ไหม เพราะว่าจริงๆ แล้วผู้ที่เป็นญาติผู้ใหญ่ก็ต้องการให้บุตรหลานเป็นคนดี เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะทำกุศล ซึ่งกุศลก็มีหลายอย่าง ถ้าเราทำกุศลแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ก็จะดี
ผู้ฟัง ถ้าเกิดว่าญาติตกนรกอยู่ ก็ไม่สามารถจะอนุโมทนาในกุศลขณะนั้นได้ พอพ้นจากนรกมาเป็นเปรตอย่างนี้ ก็จะได้รับเหมือนกับยังรออยู่อย่างนี้หรือเปล่า
ท่านอาจารย์ กุศลของใคร
ผู้ฟัง กุศลของผู้ที่อนุโมทนา
ท่านอาจารย์ ใครอนุโมทนา
ผู้ฟัง หมายถึงว่ากุศลของเราที่อุทิศให้
ท่านอาจารย์ ดับแล้ว สะสมสืบต่อในจิตที่เกิดสืบต่อไปทุกขณะ
ผู้ฟัง แต่ญาติที่สามารถอนุโมทนาได้ก็คืออนุโมทนา
ท่านอาจารย์ จิตของใครอนุโมทนา
ผู้ฟัง จิตของญาติ
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น กุศลจิตเกิด อนุโมทนาดับ แล้วก็สะสมสืบต่อไปในจิตของญาติ
ผู้ฟัง แต่ถ้าสมมติอนุโมทนาไม่ได้ก็เป็นอันว่าไม่ได้รับ
ท่านอาจารย์ กุศลเป็นอะไร
ผู้ฟัง เป็นสภาพธรรม
ท่านอาจารย์ เป็นรูปธรรมหรือนามธรรม
ผู้ฟัง เป็นนามธรรม
ท่านอาจารย์ เป็นจิต เจตสิก ดับแล้วๆ ก็มีการเกิดดับสืบต่อ ของใครก็ของคนนั้น
ที่มา ...