บังคับไม่ได้ เลือกไม่ได้ แต่รู้เมื่อสิ่งนั้นเกิด


    ผู้ฟัง ยังมีข้อคิดอีกอันหนึ่ง ถ้าเผื่อเราเชื่อในกฏแห่งกรรม เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา วิบากกรรมเราเป็นอย่างนี้ เราทำอย่างนี้ไว้แต่ไหนแต่ไรมาถึงต้องถูกด่า ถูกว่า ถูกโกง ถูกเอาเปรียบ อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เราโกรธมีโทสะ ก็นึกว่าเป็นวิบากของเรา ก็ทำไปอย่างนี้ คิดอย่างนี้ เป็นทางออกได้บ้างไหม

    ท่านอาจารย์ คุณเด่นพงศ์บังคับความคิดได้ไหม ถึงเตรียมว่าจะคิดดีหรือไม่คิดดี เวลานี้เรากำลังคิดถึงสิ่งที่ไม่ได้ปรากฏ แล้วไม่รู้ว่าจะปรากฏหรือเปล่า แล้วจะปรากฏในลักษณะใด เพราะฉะนั้น ทุกคนจะคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาแล้วหรือสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น ลืมสิ่งที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น การฟังพระธรรมจนกว่าจะรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจลักษณะสิ่งที่กำลังปรากฏ แม้คิด ที่คุณเด่นพงศ์คิด เป็นสังขารขันธ์ การปรุงแต่งของสภาพธรรมที่สะสมมา เหมือนอย่างคุณศุภัสสร เวลาที่โกรธ สภาพธรรมที่ปรุงแต่งสะสมมาก็ทำให้ความขุ่นเคืองใจเกิดขึ้น และก็มีน้อยมากที่เกิดเบื่อที่จะโกรธ ก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่การเบื่อที่จะโกรธจะรู้ไหมว่าวันไหน หรือว่าเบื่อดีกว่า และก็เย็นนี้จะเบื่อ ก็เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าคาดคะเนคิดเอาเท่านั้นเอง โดยที่ว่าขณะที่คิดอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงคิดอย่างนั้น บังคับไม่ให้คิดอย่างนั้นไม่ได้ หรือว่าจะบังคับให้คิดอย่างอื่นแม้แต่ความคิด เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจความหมายของอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ทุกอย่างที่เกิดไม่ว่าจะเป็นรูปธรรม นามธรรม เป็นจิต เป็นเจตสิกประเภทต่างๆ เป็นโลภะบ้าง เป็นโทสะบ้าง เป็นกุศลบ้าง ก็บังคับไม่ได้ เลือกไม่ได้ แต่รู้เมื่อสิ่งนั้นเกิด เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นการสะสมของเราเองโดยที่ว่าเมื่อสิ่งใดเกิดขึ้นแล้วเราก็รู้ แม้แต่ความคิดที่จะคิดต่อไปข้างหน้าก็เกิดเพราะสังขารขันธ์ปรุงแต่ง


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 172


    หมายเลข 9967
    3 ก.ย. 2567