เจติยราชชาดก
ใน ขุททกนิกายชาดก เจติยราชชาดก ข้อ ๑,๑๖๔ ได้แสดงโทษของมุสาวาท มีข้อความว่า
เมื่อพระองค์ยังตรัสคำกลับกลอกอยู่ เทวดาทั้งหลายก็จะพากันหลีกหนีไปเสีย พระโอฐจักมีกลิ่นบูดเน่าเหม็นฟุ้งไป ผู้ใดรู้อยู่ เมื่อถูกถามปัญหาแล้ว แกล้งแก้ปัญหานั้นไปเสียอย่างอื่น ผู้นั้นย่อมต้องพลัดตกจากฐานะของตน
ข้าแต่พระเจ้าเจติยราช ถ้าพระองค์ตรัสสัจวาจา พระองค์ก็จะประทับอยู่ในพระราชวังตามเดิมได้ ถ้าพระองค์ยังตรัสมุสาอยู่ ก็จะประทับอยู่ได้ที่พื้นดินเท่านั้น
นี่เป็นข้อความที่แสดงโทษของมุสาวาทประการหนึ่ง คือ ปากจักมีกลิ่นบูดเน่าเหม็นฟุ้งไป
เป็นไปได้ไหมเวลาผลเกิดขึ้นแล้ว ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ผลทั้งหลายที่เกิดขึ้นนี้ต้องมีเหตุจึงได้เกิดขึ้น
ข้อความต่อไปใน เจติยราชชาดก มีว่า
ข้อ ๑๑๖๕
พระราชาพระองค์ใดทรงทราบอยู่ เมื่อถูกถามปัญหาแล้ว แกล้งตรัสแก้ปัญหานั้นเสียอย่างอื่น ในแว่นแคว้นของพระราชาพระองค์นั้น ฝนย่อมตกในเวลาไม่ใช่ฤดูกาล ย่อมไม่ตกตามฤดูกาล
ข้าแต่พระเจ้าเจติยราช ถ้าพระองค์ตรัสสัจวาจา พระองค์ก็จะประทับอยู่ในพระราชวังตามเดิมได้ ถ้าพระองค์ตรัสมุสาอยู่ ก็จะถูกแผ่นดินสูบ
ข้อ ๑๑๖๖
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่ในทิศ พระราชาพระองค์ใดทรงทราบอยู่ เมื่อถูกถามปัญหาแล้ว แกล้งตรัสแก้ปัญหานั้นไปเสียอย่างอื่น พระชิวหาของพระราชาพระองค์นั้น จะเป็นแฉกเหมือนลิ้นงู ฉะนั้น
ข้าแต่พระเจ้าเจติยราช ถ้าพระองค์ตรัสสัจวาจา พระองค์ก็จะประทับอยู่ในพระราชวังตามเดิมได้ ถ้าพระองค์ยังตรัสมุสาอยู่ ก็จะถูกแผ่นดินสูบลึกลงไปอีก
ข้อ ๑๑๖๗
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นใหญ่ในทิศ พระราชาพระองค์ใดทรงทราบอยู่ เมื่อถูกถามปัญหาแล้ว แกล้งตรัสแก้ปัญหานั้นไปเสียอย่างอื่น พระชิวหาของพระราชาพระองค์นั้น จะไม่มีเหมือนปลา ฉะนั้น
ข้าแต่พระเจ้าเจติยราช ถ้าพระองค์ตรัสสัจวาจา พระองค์ก็จะประทับอยู่ในพระราชวังตามเดิมได้ ถ้าพระองค์ยังตรัสมุสาอยู่ ก็จะถูกแผ่นดินสูบลึกยิ่งกว่านี้ไปอีก
ข้อ ๑๑๖๘
พระราชาพระองค์ใดทรงทราบอยู่ เมื่อถูกถามปัญหาแล้ว แกล้งตรัสแก้ปัญหานั้นไปเสียอย่างอื่น พระราชาพระองค์นั้นจะมีแต่พระธิดาเท่านั้นมาเกิด หามีพระราชโอรสมาเกิดในราชสกุลไม่
ข้าแต่พระเจ้าเจติยราช ถ้าพระองค์ตรัสสัจจวาจา พระองค์ก็จะประทับอยู่ในพระราชวังตามเดิมได้ ถ้าพระองค์ยังตรัสมุสาอยู่ ก็จะถูกแผ่นดินสูบลึกยิ่งไปกว่านี้อีก
ข้อ ๑๑๖๙
พระราชาพระองค์ใดทรงทราบอยู่ เมื่อถูกถามปัญหาแล้ว แกล้งตรัสแก้ปัญหานั้นไปเสียอย่างอื่น พระราชาพระองค์นั้นจะไม่มีพระราชโอรส ถ้ามีก็พากันหลีกหนีไปยังทิศน้อยทิศใหญ่
ข้าแต่พระเจ้าเจติยราช ถ้าพระองค์ตรัสสัจจวาจา พระองค์ก็จะประทับอยู่ในพระราชวังตามเดิมได้ ถ้าพระองค์ยังตรัสมุสาอยู่ ก็จะถูกแผ่นดินสูบลึกยิ่งกว่านั้นลงไปอีก
ข้อ ๑๑๗๐
พระเจ้าเจติยราชนั้น แต่ก่อนเคยเสด็จเที่ยวไปได้ในอากาศ ภายหลังถูกพระฤๅษีสาปแล้ว เสื่อมอำนาจ ถึงกำหนดเวลาของตนแล้ว ก็ถูกแผ่นดินสูบ
เพราะเหตุนั้นแหละ บัณฑิตทั้งหลาย จึงไม่สรรเสริญฉันทาคติ บุคคลไม่พึงเป็นผู้มีจิตถูกฉันทาคติ เป็นต้น ประทุษร้าย พึงกล่าวแต่คำสัจเท่านั้น
จบเจติยราชชาดกที่ ๖
ชาดกทั้งหลายเป็นเรื่องยาว และข้อความในพระไตรปิฎกก็เป็นข้อความเฉพาะที่เป็นภาษิตเท่านั้น ที่ว่า บัณฑิตทั้งหลายจึงไม่สรรเสริญฉันทาคติ บุคคลไม่พึงเป็นผู้มีจิตถูกฉันทาคติเป็นต้นประทุษร้าย พึงกล่าวแต่คำสัจเท่านั้น
ในเรื่องของธรรมก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าท่านจะมีความเห็น หรือมีการแนะนำบุคคลใด ก็ควรที่จะได้พิจารณาในเหตุในผลให้ตรงตามความเป็นจริง เพื่อที่บุคคลนั้นจะได้เจริญในธรรมที่เป็นเหตุเป็นผลด้วย
สำหรับโทษของมุสาวาท ถึงแม้ว่าจะมีผู้หนึ่งผู้ใดกล่าวว่า จะต้องถูกแผ่นดินสูบ หรือว่าจะได้รับโทษเช่นนั้นเช่นนี้บ้าง แต่ผู้ที่ตั้งใจจะกล่าวมุสาวาท จะด้วยฉันทาคติ หรือโทสาคติก็ตาม ในขณะนั้น ก็ยังคงกล่าวมุสาต่อไป โดยที่ไม่เห็นว่า เป็นโทษ เป็นภัย ซึ่งความจริงแล้ว อกุศลธรรมทั้งหลาย ย่อมให้ผลตามควรแก่สภาพของอกุศลธรรมนั้นๆ
ผู้ที่เห็นโทษของอกุศลธรรมทั้งหมด และเห็นว่า มุสาวาทแม้เล็กน้อยก็เป็นโทษ จึงงดเว้น ไม่กล่าวมุสาวาทเลย มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพูดในสิ่งที่ไม่จริง เพื่อใคร เพื่ออะไร เพื่อบุคคลอื่น หรือว่าเพื่อตัวท่านเอง เพราะฉะนั้น ก็ต้องเต็มไปด้วยฉันทาคติ โทสาคติ ภยาคติ โมหาคติ ในขณะที่กล่าวคำไม่จริง
บุคคลในอดีต ที่มั่นคงในการงดเว้นมุสาวาทเพราะเห็นว่าเป็นโทษ มีข้อความที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจมั่นคงของท่านใน ขุททกนิกายชาดก จัมเปยยชาดก มีข้อความว่า
ข้อ ๒๑๙๒
พระยานาคราชกราบทูลว่า
ข้าแต่พระราชา ถึงแม้ว่าลมจะพึงพัดภูเขาไปก็ดี พระจันทร์และพระอาทิตย์จะพึงเผาผลาญแผ่นดินก็ดี แม่น้ำทุกสายพึงไหลทวนกระแสก็ดี ถึงกระนั้น ข้าพระพุทธเจ้าก็จะไม่กล่าวคำเท็จเลย
ข้าแต่พระราชา ท้องฟ้าจะทำลายไป ทะเลจะเหือดแห้งไป มหาปฐพีมีนามว่าภูตธรา และพสุนธราจะพึงม้วนได้ เมรุบรรพตอันหนาแน่นด้วยศิลาจะพึงถอนไปทั้งราก ถึงกระนั้นข้าพระพุทธเจ้าจะไม่กล่าวคำเท็จเลย
นี่คือท่านที่มีความตั้งใจมั่นในขณะนั้นที่จะไม่กล่าวเท็จ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นทั้งนั้น ก็จะไม่กล่าวเท็จ ถ้าทะเลจะเหือดแห้งไป มีใครจะทำอะไรได้ไหม ก็มีปัจจัยที่จะให้ทะเลเหือดแห้งไป ทะเลก็เหือดแห้งไป แต่ด้วยเหตุไรเล่าจึงจะต้องทำอกุศลกรรม คือ มุสาวาท
ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมุสา ไม่ว่าพระจันทร์และพระอาทิตย์จะพึงเผาผลาญแผ่นดินก็ดี พอถึงกาลถึงสมัยที่พระอาทิตย์จะเผาผลาญแผ่นดิน จะทำลายโลก เหตุการณ์นั้นก็ต้องเกิดขึ้นตามควรแก่ปัจจัยนั้น
แม่น้ำทุกสายพึงไหลทวนกระแสก็ดี ก็เป็นเรื่องที่ยับยั้งไม่ได้ ท้องฟ้าจะทำลายไป ทะเลจะเหือดแห้งไป มหาปฐพีจะม้วนได้ เมรุบรรพตจะพึงถอนไปทั้งราก บุคคลนั้นในขณะนั้นก็มั่นคงที่จะไม่กล่าวมุสาวาทเลย
เป็นเรื่องซึ่งควรจะตั้งใจ ส่วนกระทำได้จริงหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ก็เป็นเรื่องที่ผู้ที่มีปกติเจริญสติปัฏฐานจะรู้ได้ว่า ขณะนั้นมั่นคงที่จะละเว้นมุสาวาท หรือว่ายังมีกิเลสที่เกิดขึ้นเป็นไปทำให้กระทำมุสาวาท
ข้อความใน มหาสุตโสมชาดก ข้อ ๓๓๖ ก็มีข้อความที่คล้ายคลึงกัน
นรชนใดพึงกล่าวเท็จเพราะเหตุเพื่อประโยชน์แก่ตนใด เหตุเพื่อประโยชน์แก่ตนนั้น ย่อมไม่รักษานรชนนั้นจากทุคติได้เลย ถ้าแม้ลมจะพึงพัดเอาภูเขามาได้ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จะพึงตกลงมา ณ แผ่นดินได้ และแม่น้ำทุกสายจะพึงไหลทวนกระแสได้ ถึงอย่างนั้น หม่อมฉันก็ไม่พึงพูดเท็จเลย พระราชา
ฟ้าพึงแตกได้ ทะเลพึงแห้งได้ แผ่นดินอันทรงไว้ซึ่งภูติพึงพลิกได้ เมรุบรรพตจะพึงเพิกถอนได้พร้อมทั้งราก ถึงอย่างนั้นหม่อมฉันก็จะไม่กล่าวเท็จเลย
ข้อความที่ว่า นรชนใดพึงกล่าวเท็จเพราะเหตุเพื่อประโยชน์แก่ตนใด เหตุเพื่อประโยชน์แก่ตนนั้น ย่อมไม่รักษานรชนนั้นจากทุคติได้เลย คือ บางท่านมีความจำเป็นที่จะต้องมุสาเพื่อประโยชน์ของตนในชาตินี้ เหตุเพื่อประโยชน์แก่ตนในชาตินี้นั้น ย่อมไม่รักษานรชนนั้นจากทุคติได้เลย อาจจะทำให้แก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบันชาตินี้ได้บ้าง แต่ผลของมุสาวาทนั้น ย่อมทำให้ปฏิสนธิในอบายภูมิ
ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็เป็นเหตุให้ประพฤติอกุศลกรรม แต่ผู้ที่เห็นโทษ ก็มีเจตนาที่จะวิรัติเท่าที่สามารถจะกระทำได้ แต่ถ้าเป็นผู้ที่ไม่ได้ขัดเกลา แม้ว่ากุศลกรรมจะกระทำให้ท่านเกิดในตระกูลดี มีทรัพย์ มียศ มีสมบัติทุกสิ่งทุกประการ แต่ก็ยังมุสาวาทได้ตลอด เพราะท่านไม่เห็นว่าเป็นโทษ แม้ไม่มีความจำเป็นที่จะมุสาวาทเลย และบุคคลนั้นก็เป็นผู้ว่าง ไม่มีกิจการงานใดที่จะต้องประกอบการอาชีพ ไม่มีความจำเป็นใดๆ เลยที่จะต้องมุสา แต่กระนั้นกิเลสอกุศลที่สะสมมา ก็ทำให้เกิดมุสาวาทขึ้น
มีไหมอย่างนี้ นึกขึ้นมา ฝันในเรื่องต่างๆ และก็พูดเรื่องที่ไม่จริงต่างๆ ได้
เพราะฉะนั้น จะเห็นความวิจิตรของจิต ถ้าท่านเห็นบุคคลใดที่สะสมอกุศลธรรมมามากกล่าวมุสา โดยไม่จำเป็นที่จะต้องมุสาเลย ท่านย่อมจะเห็นว่า โทษของการไม่ขัดเกลากิเลสนั้นเป็นอย่างนี้ เมื่อเห็นโทษอย่างนี้แล้ว ท่านก็เว้นที่จะไม่กระทำอย่างนั้น และขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น แต่ที่กิเลสจะดับได้จริงๆ นั้น ก็ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า เป็นแต่เพียงนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น
ที่มา ...
- ขันติวาทีดาบส (ขันติบารมี)
- กามชาดก (ไม่ประมาทในการเจริญกุศล)
- ติลมุฏฐิชาดก (เป็นผู้ที่ว่าง่าย)
- พระสารีบุตรปรินิพพาน
- พึงชนะคนโกรธ ด้วยความไม่โกรธ
- คามนิจันทชาดก
- ทานสูตร และ ทานวัตถุสูตร
- คันธารชาดก (ผู้สะสมสิ่งของ)
- รัฏฐปาลสูตร (ชีวิตของท่านพระรัฐปาละ)
- กุมารลิจฉวีสูตร
- ชนสูตร (เรื่องพราหมณ์ชรา ๒ คน)
- กัณหทีปายนจริยา (สัจจบารมี)
- สัปปุริสสูตร (เรื่องการพูด)
- เรื่องพระสุขเถระ
- ทานบารมี
- อัสสุสูตร (สังสารวัฏฏ์)
- รสพระธรรม
- ฤกษ์ดี (สุปุพพัณหสูตร)
- วิโรจนอสุรินทสูตร และ สุภาษิตชยสูตร
- โกกาลิกสูตร
- พระโสณโกลวิสเถระ
- เสรีสูตร
- มหากัสสปสูตร
- อักโกสกสูตร (ความโกรธ)
- มหาสุญญตสูตร (ความประพฤติที่เหมาะสม)
- พระโลสกติสเถระ (อรรถกถาโลสกชาดก)
- ให้แล้วไม่เสียดาย (ทสัณณกชาดก)
- มิตตามิตตชาดก
- เจติยราชชาดก
- กินททสูตร (การให้)
- สัจจกนิครนถ์โต้วาทะ
- โสณนันทบัณฑิตจริยา
- อกิตติจริยา (ศีลบารมี)
- พระเจ้าปุกกุสาติ 1 (ธาตุวิภังคสูตร)
- พระเจ้าปุกกุสาติ 2 (ธาตุวิภังคสูตร)
- กกจูปมสูตร (การคลุกคลี การเป็นผู้ว่าง่าย)
- จะเป็นคนดีหรือพระโสดาบัน
- ปังกธาสูตร และ ปุปผรัตตชาดก
- ผลของความประมาท (เขตตูปมาเปตวัตถุ)
- เจ้ากรรมนายเวร
- มีธรรมเป็นที่พึ่ง (มหาปรินิพพานสูตร)
- กปิลสูตร และ ยโสชสูตร
- ความประพฤติของพระโพธิสัตว์ ๑ (ทรงบำเพ็ญพระบารมี)
- ความประพฤติของพระโพธิสัตว์ ๒ (ทรงบำเพ็ญพระบารมี)
- ตอบแทนมารดาบิดา
- เรื่องอตุลอุบาสก (ความโกรธ)
- ธนัญชานีสูตร (ฆ่าความโกรธ)
- ทานสูตร และ ราชาสูตร
- นักฟ้อนนามว่า นฏคามณิ และ เรื่องนางรัชชุมาลา
- ภิสชาดก
- มาตุโปสกสูตร และ พหุภาณีสูตร
- หัตถกสูตร (เรื่องหัตถกเทพบุตร)
- อักขณสูตร
- อาสีวิสสูตร (อสรพิษ ๔ จำพวก)
- อิณสูตร