ทิ้งไว้ในกองบุญ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ข้อความบางตอนจาก แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๗๑๗
บรรยายโดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ทิ้งไว้ในกองบุญ
ท่านที่เป็นผู้ที่พอใจติดข้องในวัตถุสิ่งของต่างๆ ทำให้ท่านแสวงหาวัตถุต่างๆ มาไว้มากมาย แต่เมื่อได้ฟังเรื่องการเจริญสติปัฏฐานแล้วเป็นผู้เจริญสติปัฏฐาน ก็เริ่มเห็นโทษ โดยเฉพาะเมื่อได้ทราบลักษณะของ"เนกขัมมะ" ซึ่งไม่ใช่ขั้นสูงอย่างการบรรพชาอุปสมบท เพียงแต่ในชีวิตของคฤหัสถ์ที่จะเริ่มรู้สึกพอ รู้จักพอในวัตถุต่างๆ ทางตา หู จมูกลิ้น กาย ใจ ท่านก็เห็นว่า วัตถุสิ่งต่างๆ ที่ท่านมีมากมายเหลือเฟือเกินไป ซึ่งตามปกติท่านก็คงจะไม่คิดที่จะสละให้กับบุคคลอื่น แต่ว่าเมื่อเห็นโทษของการติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะเหล่านั้นแล้ว ท่านก็เริ่มคิดที่จะรู้จักพอใจสิ่งที่พอสมควร พอประมาณ แล้วก็คิดจะสละวัตถุเหล่านั้น แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ในที่สุดท่านก็คิดได้ คือ ท่านรู้ว่าจะ ทิ้งในกองบุญ คือ ไม่มีที่จะทิ้งวัตถุเหล่านั้น นอกจากจะทิ้งในกองบุญ คือด้วยการสละให้เพื่อประโยชน์สุขแก่คนอื่น
ถ้าไม่ใช่เป็น ผู้มีปกติอบรมสติปัฏฐาน ไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่า เป็นแต่เพียงนามธรรม และ รูปธรรม แต่ละลักษณะเท่านั้นถ้าไม่รู้อย่างนี้กุศลขั้นอื่น ก็ยากที่จะเกิดได้ และอกุศลย่อมมีปัจจัยที่จะเกิดได้รวดเร็วกว่า แต่เพราะการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ตามความเป็นจริงในลักษณะของนามธรรมว่า เป็นนามธรรมในรูปธรรมซึ่งเป็นแต่เพียงรูปธรรม ความอดทนจะเพิ่มขึ้น และกุศลอย่างอื่นก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
การใช้ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ [มัยหกสกุณชาดก]
ขออุทิศส่วนกุศลแด่สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงสอนคฤหบดีอุบาสก ตรัสพระคาถาว่า
[๙] บุรุษย่อมฝังขุมทรัพย์ไว้ในน้ำลึก ด้วยคิดว่าเมื่อกิจที่จำเป็นเกิดขึ้น ทรัพย์นี้จักเป็นประโยชน์แก่เรา เพื่อเปลื้องตนจากราชภัยบ้าง เพื่อช่วยตนให้พ้นจากโจรภัยบ้าง เพื่อเปลื้องหนี้บ้าง ในคราวทุพภิกขภัยบ้าง ในคราวคับขันบ้าง ขุมทรัพย์ที่เขาฝั่งไว้ในโลก ก็เพื่อประโยชน์นี้แล.
ขุมทรัพย์นั้น ย่อมหาสำเร็จประโยชน์แก่เขาไปทั้งหมด ในกาลทุกเมื่อที่เดียวไม่ เพราะขุมทรัพย์เคลื่อนจากที่ไปเสียบ้าง ความจำของเขาคลาดเคลื่อนเสียบ้าง นาคทั้งหลายลักไปเสียบ้าง ยักษ์ทั้งหลายลักไปเสียบ้าง ผู้รับมรดกที่ไม่เป็นที่รักขุดเอาไปเมื่อเขาไม่เห็นบ้าง ในเวลาที่เขาสิ้นบุญ ขุมทรัพย์ทั้งหมดนั้น ย่อมสูญไป.
ขุมทรัพย์คือบุญ ของผู้ใด เป็นสตรีก็ตาม เป็นบุรุษก็ตาม ฝังไว้ดีแล้วด้วยทาน ศีล สัญญมะความสำรวม ทมะความฝึกตน ในเจดีย์ก็ดี ในสงฆ์ก็ดี ในบุคคลก็ดี ในแขกก็ดี ในมารดาก็ดี ในบิดาก็ดี ในพี่ชายก็ดี.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ชนเหล่าใดมีใจผ่องใสแล้ว ให้อาหารนั้นด้วยศรัทธา อาหารนั้นแลย่อมพะนอเขาทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
เพราะเหตุนั้น บุคคลพึงนำความตระหนี่ออกไปเสีย พึงข่มความตระหนี่ซึ่งเป็นตัวมลทินแล้วให้ทาน
เพราะบุญทั้งหลายเป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ในโลกหน้า.
การให้ย่อมเจริญด้วยบุญ
บุคคลผู้ยังใจให้เลื่อมใสให้ทานด้วยโภคทรัพย์ทั้งหลายที่ได้มาโดยชอบธรรมย่อมเป็นผู้ยึดถือชัยชนะไว้ได้ในโลกทั้งสองของผู้มีศรัทธาอยู่ครองเรือน คือเพื่อประโยชน์เกื้อกูลในปัจจุบันและเพื่อความสุขในสัมปรายภพการบริจาคของคฤหัสถ์ดังกล่าวมานั้น ย่อมเจริญบุญ
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
บุคคลผู้ยังใจให้เลื่อมใส ให้ทาน [อิณสูตร]
ขออนุโมทนาคุณสารธรรม
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ