ยักษ์ อสูร
ขอเรียนถามดังนี้ครับ
1. ยักษ์และอสูร ในสมัยพุทธกาล อ่านเจอว่าสามารถพบเห็นได้ง่ายกว่าสมัยนี้ และมักมีนิสัยชอบกลั่นแกล้งผู้คนต่างๆ ไม่ทราบว่าสมัยนี้ ที่เราไม่เห็น แต่ยังเป็นไปได้หรือเปล่าครับ ที่บางโอกาสพวกเขาก็อาจมาแกล้งผู้คนได้ ในพระไตรปิฎก พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงเรื่องอสูรหรือยักษ์จะมาปรากฏให้คนเห็นได้โดยง่ายเหมือนสมัยพุทธกาลอีกไหมครับ
2. เคยอ่านตาลปุตตสูตรครับ แล้วทีนี้เพื่อนชวนทำเว็บบันเทิง ดูหนัง ฟังเพลง ดาราและเรื่องขำขัน จึงคิดว่าน่าจะได้รับผลกรรมเช่นเดียวกับพระสูตรนี้ ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือเปล่าครับ จะได้พิจารณาเพื่อเลิกทำครับ
ขอบคุณครับ
๑. ยักษ์และอสูร เป็นสัตว์อีกภพภูมิหนึ่ง เกิดขึ้นเพราะกรรม ยักษ์และอสูร มีหลายประเภท ในสมัยครั้งพุทธกาลเป็นยุคของผู้มีคุณวิเศษต่างๆ ท่านจึงเห็นสัตว์ในภพภูมิอื่นได้ และสมัยนั้นนอกจากมนุษย์แล้ว ยังมีเทวดา พรหม ยักษ์ และอสูร มาเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังพระธรรมอยู่เสมอๆ แต่ในยุคนี้ไม่มีท่านเหล่านั้นมา
สำหรับข้อที่ ๒ เชิญคลิกที่ ...
ยักษ์ และอสูร คือ อมนุษย์ เพราะ ไม่ใช่มนุษย์ แต่สัตว์เดรัจฉานแม้จะเป็นอมนุษย์เหมือนกัน แต่เราไม่ค่อยได้เรียกเช่นนั้นเพราะว่าเราก็มองเห็นอยู่ทั่วไปจนเป็นเรื่องธรรมดาปกติ ไม่เหมือนอมนุษย์ในภูมิอื่น คือ
ในอบายภูมิ ได้แก่ เปรต อสุรกาย สัตว์นรก
ในสุคติภูมิ ได้แก่ พระพรหม และเทวดาในกามภูมิ 6 ชั้น
ในสมัยนี้ ที่จะปรากฏให้มนุษย์ เห็นได้ ก็คือ เปรตและอสุรกาย ซึ่งผู้พบเห็น ก็จะเรียกว่า ผีหรือวิญญาณคนตาย ก็แล้วแต่การสะสมมาของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน บางคนเห็นบ่อย บางคนเห็นไม่บ่อย บางคนไม่เคยเห็น บางคนได้ยินแค่เสียงของอมนุษย์ เท่านั้น แต่ไม่เคยเห็นตัวเลย บางคนก็คิดเอาเองว่าเห็นผี แต่ความจริง ไม่ใช่หลายคนที่ไม่เคยเห็น ได้ยิน จึงมีความเห็นว่าสัตว์ในภพภูมิอื่นที่เป็นโอปปาติกะ (สัตว์ที่ผุดเกิดเป็นตัวทันที) ไม่มี ซึ่งผู้ที่มีความเห็นเช่นนั้นจัดเป็นมิจฉาทิฏฐิประเภทหนึ่ง ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การจะเห็นอมนุษย์ที่เป็นยักษ์ อสูรหรือเทวดาได้ก็เมื่อบุคคลนั้นมีตาทิพย์หรืออมนุษย์ นั้นเนรมิตให้เป็นกายหยาบเพื่อให้มนุษย์ได้เห็น แต่ประการที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งที่เรา เห็นอยู่ ธรรมที่มีอยู่รอบตัวเรายังไม่รู้และยังยึดว่าเป็นสัตว์บุคคลตัวตนจึงควรจะอบรม ปัญญาที่จะรู้ความจริงในขณะนี้เป็นสำคัญ ครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์