แด่...ผู้ท้อใจ

 
พุทธรักษา
วันที่  16 ม.ค. 2552
หมายเลข  10921
อ่าน  1,591

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เจริญวิปัสสนาโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ได้ฟังคำปรารภจาก ผู้ที่รู้สึกท้อใจ ว่า วันไหนหนอ จึงจะรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ตามความเป็นจริง

ชีวิตนี้สั้นนัก อยู่กันไปก็ไม่ถึงร้อยปี และอยู่กันมานานมากแล้วด้วยและภพชาติในอดีต ก็ช่างมากมายเหลือเกิน แล้วถ้าไม่รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ตามความเป็นจริง ... ในปัจจุบันชาตินี้แล้วชาติต่อไปข้างหน้า ก็จะยืดยาวไปอีกนานเหลือเกิน ก็เลยรู้สึกว่า เมื่อไรหนอจึงจะได้รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม ตามความเป็นจริง

ไม่มีอะไร ที่จะให้เหตุผลได้ดี ยิ่งไปกว่า พระธรรมวินัย ที่ได้ทรงแสดงแล้ว.ที่จะช้าหรือเร็ว นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับ "เหตุปัจจัย" ไม่ใช่ปลอบใจ ให้เร่ง และให้บรรลุธรรมในชาตินี้ได้ โดยเหตุไม่สมควรแก่ผล

พระผู้มีพระภาค ไม่ได้ทรงแสดงธรรมอะไร ที่ปลอบใจคนหรือที่จะชักชวน ให้เข้ามาหา พระธรรมวินัยของพระองค์ แต่ว่าทรงแสดงธรรม ตามเหตุและผล ตามความเป็นจริง ถ้าผู้ใด มีความรู้สึกในทำนองนี้ (รู้สึกท้อใจ) ก็ขอกล่าวถึง สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค นาวาสูตร ซึ่งมีข้อความว่า

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุ ไม่ประกอบภาวนานุโยคอยู่ จะพึงเกิดความปรารถนา อย่างนี้ว่า ไฉนหนอ ขอจิตของเราพึงพ้นจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่น ดังนี้ ก็จริงอยู่ ถึงอย่างนั้น จิตของเธอ ย่อมไม่พ้นไปจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่นได้เลย ข้อนั้น เพราะเหตุไร ข้อนั้น พึงกล่าวได้ว่า เพราะเธอไม่อบรม เพราะไม่อบรมอะไร

เพราะไม่อบรม สติปัฏฐาน ๔

เพราะไม่อบรม สัมมัปปธาน ๔

เพราะไม่อบรม อิทธิบาท ๔

เพราะไม่อบรม อินทรีย์ ๕

เพราะไม่อบรม พละ ๕

เพราะไม่อบรม โพชฌงค์ ๗

เพราะไม่อบรม มรรคมีองค์ ๘

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย รอยนิ้วมือ ย่อมปรากฏ หรือ รอยหัวแม่มือ ย่อมปรากฏ ที่ด้ามมีด ของนายช่างไม้ หรือ ลูกมือ ของนายช่างไม้ แต่นายช่างไม้ หรือลูกมือของนายช่างไม้นั้น หารู้ไม่ว่าวันนี้ ด้ามมีดของเราสึกไป ประมาณเท่านี้ วานนี้ สึกไป ประมาณเท่านี้วันก่อนๆ สึกไป ประมาณเท่านี้ นายช่างไม้ และ ลูกมือของนายช่างไม้นั้นมีความรู้แต่ว่า สึกไปแล้วๆ โดยแท้แล แม้ฉันใด

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุ ประกอบภาวนานุโยคอยู่ หารู้ไม่ว่าวันนี้ อาสวะทั้งหลายของเรา สิ้นไปแล้ว ประมาณเท่านี้วานนี้ สิ้นไปแล้ว ประมาณเท่านี้ หรือ วันก่อนๆ สิ้นไปแล้ว ประมาณเท่านี้ ก็จริงถึงอย่างนั้น เมื่ออาสวะ สิ้นไปแล้ว เธอก็มีความรู้แต่ว่า สิ้นไปแล้วๆ ฉันนั้น เหมือนกันแล

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเรือที่เขาผูก ด้วยตรวน แล่นไปในสมุทรแล้วจมลงในน้ำสิ้น ๖ เดือนโดยเหมันตสมัย เมื่อเขาเข็นขึ้นบก ตรวนเหล่านั้น ถูกลม และ แดด กระทบแล้ว ถูกฝนตก รดแล้ว ย่อมผุ และ เปื่อย โดยไม่ยากเลย ฉันนั้น เหมือนกันแล


ขณะใด ที่ท้อใจ ก็ลองจับด้ามมีดหรือ จับด้ามไม้ใหญ่ๆ แล้วกำไว้ทั้งวัน ก็จะเห็นว่า ยังไม่สึกแม้พรุ่งนี้ จับอีก ก็ยังเป็นอย่างเก่า จะอยู่ที่ไหนก็ตาม จะระลึกได้มากหรือน้อยก็ตาม ก็สะสมเป็นนิสัยที่จะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสติ และ รู้ลักษณะของนามและรูป มากขึ้นมีแต่ประโยชน์ ไม่เป็นโทษเลยฉะนั้น จึงเป็นหนทางเดียวจริงๆ คือ การอบรมเจริญสติปัฏฐาน

ไม่ว่าจะปรารถนาสักเท่าไร หวังไป คอยไป กี่ภพกี่ชาติถ้าไม่อบรมเจริญสติปัฏฐานก็ไม่มีหนทางที่จะรู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้เลย ขณะใด ที่สติเกิดขึ้น ระลึกรู้ลักษณะ ของสิ่งที่ปรากฏไม่ว่าจะเป็นนามธรรม หรือ รูปธรรม ขณะนั้น มีศรัทธา ในพระรัตนตรัยเพราะได้ฟัง เรื่องของการอบรมเจริญสติปัฏฐานเพราะน้อมใจเชื่อ ในเหตุผลของสภาพธรรม ตามความเป็นจริง ว่าสิ่งใดก็ตาม เกิดขึ้นปรากฏ เพราะเหตุปัจจัย เป็น อนัตตา และเมื่อเกิดขึ้น ก็ต้องดับไป การมีศรัทธาในพระรัตนตรัย และบูชาด้วยการปฏิบัตินั้นคือ ขณะที่สติเกิดขึ้น ได้รู้ลักษณะของนามธรรม หรือ รูปธรรมที่ปรากฎ

เป็นการบูชา อย่างสูงสุด ด้วยความศรัทธาด้วยความเชื่อมั่นในการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาค ว่าหนทางนี้ เป็นหนทางเดียวที่จะเป็นเหตุให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ เพราะว่า พระผู้มีพระภาค และ สาวกของพระองค์ไม่ได้ปรารถนาอะไรจากผู้ฟังเลย นอกจากประโยชน์ของผู้ฟังที่จะเข้าใจสภาพธรรมได้ถูกต้องยิ่งขึ้น

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 17 ม.ค. 2552
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
opanayigo
วันที่ 17 ม.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
choonj
วันที่ 17 ม.ค. 2552

ผมเป็นคนหนึ่งทีรู้สึกท้อแท้เมื่อศึกษาเข้าใจว่า การเจริญปัญญาจนรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงนั้นเป็น จิรกาลภาวนา ใช้เวลานานมากเป็นล้านๆ ปีเป็นกัปป์ๆ เมื่อรู้ว่าใช้เวลานานไป จึงไม่ให้ความสนใจ เมื่อไม่ให้ความสนใจก็ไม่ท้อ แต่การเจริญปัญญาไม่ต้องรอให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงก็ได้ประโยชน์แล้ว ทั้งทางโลกด้วยเมื่อปัญญาเกิดก็อยู่ง่าย ด้ามมีดจะสึกเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่ธุระ ท้อแท้ก็ไม่เกิด ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
คุณ
วันที่ 19 ม.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 22 ม.ค. 2552
ขออนุโมททนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
sirikorn
วันที่ 2 ก.พ. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Komsan
วันที่ 5 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
captpok
วันที่ 6 ก.พ. 2552

เพราะว่า พระผู้มีพระภาค และ สาวกของพระองค์ ไม่ได้ปรารถนาอะไรจากผู้ฟังเลย นอกจากประโยชน์ของผู้ฟัง ที่จะเข้าใจสภาพธรรมได้ถูกต้องยิ่งขึ้น ด้วยความซาบซึ้งใจ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pamali
วันที่ 22 มิ.ย. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ